
5 ยี่ห้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ปี 2021
ในยุคที่น้ำมันเชื้อเพลิงมาราคาที่สูงข้นอยู่เรื่อยๆ อีกทั้งการคาดการณ์ในเรื่องของน้ำมันดิบที่มีอยู่ในโลกเริ่มน้อยลงสวนทางกับมลภาวะที่มีมากขึ้นทุกวัน ฝุ่น ควัน มลภาวะต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่ควรคบหาและเปลี่ยนถ่ายจากการใช้เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้แบบสันดาบ มาเป็นพลังงานบริสุทธิ์อย่างมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจุดเด่นหลักๆ คือ มลภาวะทางอากาศเป็นศูนย์ หมดห่วงเรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และภาวะเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่น้อยมาก ทั้งในเรื่องค่าไฟฟ้าในการชาร์จแบตเตอรี่ รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาต่างๆ ในบทความนี้ ทีมงาน thekooroo.com ได้รวบรวมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รวมมาไว้ในบทความนี้ให้ทุกคนได้อ่านและเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่กำลังสนใจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอยู่ในยุคที่น้ำมันมีราคาแพงแบบทุกวันนี้
NIU
NQI GT SPORT N1S MQI PLUS SPORT
NIU รถมอไซค์ไฟฟ้า สไตล์ Scooter หลายคนอาจเคยเห็นผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องพละกำลัง และความประหยัด โดยเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 125cc กันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีจุดเด่นในการเชื่อมต่อกับ Smartphone ได้ทั้งระบบปัฏิบัติการ Android และ ios โดยสามารถเช็คสถานะต่างๆของสถานะแบตเตอรี่ ระยะทางที่วิ่ง รวมไปถึงฟังค์ชั่นที่บรรดาแม่บ้านโปรดปรานที่สุดบอกพิกัดหรือตำแหน่งของตัวรถผ่าน Smartphone แน่นอนว่า บรรดาพ่อบ้านใจกล้าน่าจะกังวนเล็กน้อย เพราะฟังค์ชั่นที่ว่านี้ เป็นฟังค์ชั่นในการป้องกันการโจรกรรม ซึ่งถือว่าปลอดภัยกับตัวรถมากขึ้น โดยเจ้ารถมอไซค์ไฟฟ้า NIU นี้ ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา 3 รุ่นด้วยกัน โดยดูได้จากตารางข้างล่างนี้
Models | NQI GT SPORT | N1S | MQI PLUS SPORT |
ราคา | 109,000 | 98,000 | 59,000 |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 3,000 w. | 2,400 w. | 2,000 w. |
ระยะทาง | 70-90 กม. | 80 กม. | 100 กม. |
ความเร็วสูงสุด | 110 กม./ชม. | 65 กม./ชม. | 55 กม./ชม. |
จดทะเบียน | Yes | Yes | No |
SWAG EV
Type S Type X
SWAG EV มอไซค์ไฟฟ้า หรือจะเรียกรถ Scooter ไฟฟ้าก้ได้ ที่ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสิงค์โปร มีสมรรถนะที่ดี รูปทรงสวยงาม ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่นด้วยกัน คือรุ่น Type S และรุ่น Type X แตกต่างกันที่รูปร่างหน้าตา และขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ โดยทั้ง 2 รุ่นนั้นมีจุดเด่นในเรื่องของระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ที่สั้น เพียง 3.5 ชั่วโมง ซึ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงถึง 80 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ ซึ่งก็สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 45 กิโลเมตร / ชั่วโมง ซึ่งสำหรับประเทศสิงค์โปรที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะไม่ใหญ่มากนัก ด้วยความเร็วที่สามารถทำได้ และระยะทางที่วิ่งได้นั้น ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น ลักษณะการใช้งานอาจแตกต่างออกไป หากคำนวณจากระยะทางที่วิ่งได้ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานในเมืองแบบไม่เร่งรีบ อีกทั้งราคาค่าตัวทั้ง 2 รุ่นก็ยังสามารถจับต้องได้ง่ายอีกด้วย
Models | Type-S | Type-X |
ราคา | 62,900 | 65,900 |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 1,750 w. | 2,020 w. |
ระยะทาง | 70 กม. | 70 กม. |
ความเร็วสูงสุด | 45 กม./ชม. | 45 กม./ชม. |
จดทะเบียน | Yes | Yes |
EDITION MOTOR
Volta Naked
EDITION MOTOR มอไซค์ไฟฟ้าสัญชาติไทย ซึ่ง ณ ปัจจุบันผลิตออกมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องของรูปทางที่ดูย้อนยุค เอาใจสายวิเทจ แต่ก็แฝงไปด้วยพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สูงพอสมควร อีกทั้งเมื่อเทียบราคาค่าตัวกับความแรงที่ได้นั้น ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล โดยรุ่นแรก Volta มีราคาเริ่มต้นเพียง 95,000 บาทเท่านั้น สามารถวิ่งทำระยะทางได้สูงถึง 150 กิโลเมตร อีกทั้งความเร็วที่ได้นั้น ก็เทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาบขนาด 125cc เลยทีเดียว และในส่วนรุ่นที่ 2 ชื่อว่า Naked โดยมีลักษณะหน้าตาเปลือยๆ ตามชื่อ มีราคาค่าตัว 75,000 บาท ซึ่งรุ่นนี้ก็ไม่น้อยหน้ารุ่น Volta ในเรื่องของระยะทาง ที่ทำได้สูงสุดถึง 150 กิโลเมตรเช่นกัน แต่ความเร็วสูงสุดอาจจะยังทำได้เร็วไม่เท่า แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่แต่อย่างใด ซึ่งก็สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้นั้นจดทะเบียนยังไม่ได้ แต่ก็สามารถใช้งานทั่วๆไป ตามซอย ตามหมู่บ้านได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว
Models | Volta | Naked |
ราคา | 95,000 | 75,000 |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 11,000 w. | 6,000 w. |
ระยะทาง | 150 กม. | 150 กม. |
ความเร็วสูงสุด | 120 กม./ชม. | 90 กม./ชม. |
จดทะเบียน | Yes | No |
ETRAN KRAF

ETRAN KRAF เป็นรถมอไซค์ไฟฟ้าอีกแบรนด์หนึ่งจากฝีมือคนไทย โดยตอนนี้ที่ผลิตออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการจะเป็นรุ่น Myra ซึ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายแตกต่าออกไปจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ โดยเน้นไปที่เหล่านักขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีอาชีพส่งของ หรือ Delivery เป็นหลัก โดยชูจุดเด่นที่ตัวรถถูกออกแบบมาให้บรรจุแบตเตอรี่ได้มาก และสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายตามสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือการ SWAPPING ของแบรนด์ ETRAN KRAF โดยตรง ซึ่งในส่วนนี้น่าสนใจมาก เพราะเนื่องจากบริษัทไม่ได้ผลิตรถออกมาเพื่อจำหน่ายทั่วไป แต่จะเน้นไปในทางเช่าขับขี่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงวันละ 150 บาทเท่านั้น อีกทั้งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามสถานีเปลี่ยนแบตก็สามารถเปลี่ยนได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม พูดง่ายๆว่า 150 บาท รวมทั้งค่าเช่า ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ และค่าบำรุงรักษาแล้วนั่นเอง ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆ
Models | Myra |
ราคา | เช่า 150 บาท / วัน |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 7,000 w. |
ระยะทาง | 180 กม. |
ความเร็วสูงสุด | 120 กม./ชม. |
จดทะเบียน | Yes |
AJ EV BIKE
Q5 C Like
AJ EV BIKE อ่านชื่อแล้วดูคุ้นๆนะครับสำหรับแบรนด์นี้ ชื่อคล้ายๆกับเครื่องเล่น DVD AJ ในสมัยยุคที่แผ่น CD เฟื่องฟู (ดักแก่ได้หลายคน) ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ใช่ครับ AJ EV BIKE คือแบรนด์เดียวกันกับ AJ ที่เราๆ เคยได้ยินกัน (ดักแก่อีกรอบ) ซึ่งได้ปรับตัว หันมาทำตลาดในส่วนของรถมอไซค์ไฟฟ้า ซึ่งจุดแข็งของ AJ คือการที่มีตัวแทนจำหน่ายแต่เดิม จึงทำให้การส่งรถมอไซค์ไฟฟ้าสู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อจัดจำหน่าย ง่ายยิ่งขึ้น
C Lion Z3
และอีกหนึ่งจุดแข็งของ AJ EV BIKE ก็คือ Partner ที่ผลิตรถมอไซค์ไฟฟ้าให้ คือแบรนด์มอไซค์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของจีนนามว่า Yadea ซึ่งข้อดีคือ อะไหล่หาง่าย ราคาไม่แพง อีกทั้งตัวรถก็มีหน้าตาที่สวยงาม ซึ่งทาง AJ EV BIKE ก็ได้นำเข้ามาจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นได้แก่ Q5, C Like, C Lion และ Z3 สามารถเลือกจดทะเบียนเพื่อใช้บนถนนหลวงได้ หรือสำหรับใครที่ใช้ใกล้ๆในซอย ในหมู่บ้าน เลือกที่จะไม่จดทะเบียนก็ได้ ราคาก็จะลดลงไปจากตารางอีกพอสมควร
Models | Q5 | C Like | C Lion | Z3 |
ราคา | 39,900 | 43,900 | 49,900 | 54,900 |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 1,200 w. | 2,000 w. | 2,000 w. | 2,000 w. |
ระยะทาง | 85 กม. | 120 กม. | 120 กม. | 120 กม. |
ความเร็วสูงสุด | 50 กม./ชม. | 60 กม./ชม. | 60 กม./ชม. | 70 กม./ชม. |
จดทะเบียน | Yes | Yes | Yes | Yes |
มอไซค์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีในการเปลี่ยนแปลงของการใช้พลังงาน เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สร้างมลภาวะน้อยกว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์เชื้อเพลิงสันดาบ ค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าเนื่องจากไม่ได้มีชิ้นส่วนอะไหล่ที่สึกหรอ หรือต้องเปลี่ยนตามระยะอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ จะมีก็แต่ในส่วนของผ้าเบรค ยาง และอะไหล่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น แน่นอนว่า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากพอสมควร แต่ก็ใช่ว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย ซึ่งเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาบแล้ว ตั้งแต่ในเรื่องของระยะทางที่ทำได้นั้น มอไซค์ไฟฟ้าทำระยะทางได้น้อยกว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาบอยู่พอสมควร อีกทั้งความเร็วที่ทำได้ ก็ยังทำได้น้อยกว่า เนื่องจากข้อจำกัดของแบตเตอรี่ ที่หากเราขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยความเร็วมากๆ ก็จะทำให้กินไฟมากเป็นเงาตามตัว อีกทั้งการชาร์จไฟต่อครั้งก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการเติมน้ำมัน ที่เสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่นาที และปั๊มน้ำมันก็ยังมีมากกว่าสถานีชาร์จไฟหรือสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ สถานีชาร์จไฟ รวมไปถึงมอเตอร์ที่ประหยัดไฟ ในอนาคตอันใกล้ จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแน่นอน ซึ่งในต่างประเทศ หลายๆประเทศก็ได้มีการผลักดันเป็นอย่างมาก สถานีชาร์จไฟก็มีมากขึ้นตามลำดับ อนาคตหากประเทศไทยมีการผลักดันและสนับสนุนมากพอ ยังไงก็เชื่อว่า รถมอเตอร์ไฟซค์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน