5 มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ที่จำหน่ายและไม่ได้ไปต่อ

มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า

ฮอนด้า หนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำยี่ห้อหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่นที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก โดยจุดเริ่มต้นของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าครั้งแรกในประเทศไทยนั้นอยู่ในช่วง พ.ศ. 2507 จนถึงทุกวันนี้ ก็ดำเนินธุรกิจมากว่า 57 ปี ผลิตรถจักรยานยนต์มากมายหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งในบทความนี้ ทีมงาน Thekooroo.com ได้หยิบยกมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า 7 รุ่นที่น่าสนใจที่ผลิตและวางจำหน่ายแต่สุดท้ายไม่ได้ไปต่อมาให้ทุกคนได้อ่านกัน


1. AIR-BLADE

มาเริ่มต้นกันที่รุ่นแรกของมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ที่ทุกวันนี้ไม่มีจำหน่ายแล้วนั่นก็คือ AIR-BLADE โดยรุ่นนี้ ถูกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยช่วงปี พ.ศ. 2547 พร้อมกับสโลแกนประจำรุ่นว่า “AIR-BLADE เท่…ที่หนึ่ง” โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนั้นไว้ที่ 70,000 คัน ซึ่งถ้าหากใครยังมีรุ่นนี้ในครอบครองอยู่ ตัวรถก็จะมีอายุกว่า 17 ปี และในช่วงที่เปิดตัว ถือได้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้ารุ่นแรกๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 110cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ออโตเมติก ระบบจ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงแบบคาบูเรเตอร์ (ปัจจุบันใช้ระบบจ่ายน้ำมันเขื้อเพลิงหัวฉีดหมดแล้วทุกรุ่นทุกยี่ห้อ) ด้วยรูปทรงที่ดูล้ำยุคสมัยมากๆ ทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีกทั้งราคาจับต้องได้ง่าย ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 51,500 บาท จนกระทั่งทางฮอนด้าได้มีการพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงเป็นระบบหัวชฉีดในช่วงปี พ.ศ. 2553 และเลิกจำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2554

จุดเด่น AIR-BLADE
1. ไฟหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
2. ไฟท้ายแบบ LED ในยุคนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่และว้าวมากๆ
3. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่วนใหญ่จะมีในรถขนาดเครื่องยนต์ 125cc ขึ้นไป
4. ระบบ Combi Brake คือระบบช่วยกระจายแรงเบรคล้อหน้าหลังให้สมดุลกัน
5. ถังน้ำมันติดตั้งอยู่ระหว่างขา สะดวกต่อการเติมน้ำมัน
6. U-BOX ใต้เบาะ พูดง่ายๆว่าเป็นช่องเก็บของใต้เบาะนั่นเอง
7. กุญแจนิรภัยกันการโจรกรรมแบบ 2 ชั้น ซึ่งยุคนั้นก็ยังขโมยกันได้อยู่แหละ แต่ใช้เวลาขโมยนานขึ้น

2. ICON

มาต่อกันที่มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้ารุ่นที่สองที่ไม่ได้ไปต่อจนถึงยุคปัจจุบันนี้ ก็คือ ฮอนด้า ไอค่อน (Honda icon) เป็นรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 110 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ เกียร์อัตโนมัติอีกรุ่นหนึ่งที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบคาบูเรเตอร์ ถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกระทัดรัด เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใช้งานในเมืองคล่องตัว ซึ่งมีน้ำหนักตัวโดยรวมเพียง 89 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนตัวผู้เขียนยังชอบรุ่นนี้อยู่พอสมควร เนื่องจากรูปร่างหน้าตาทีแลดูน่ารักกระทัดรัด แต่น่าเสียดายตรงที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ทันได้พัฒนาเป็นรุ่นหัวฉีด ก็เลิกผลิดซะก่อน ถือได้ ฮอนด้า ไอค่อน เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นหนึ่งที่มาไวไปไวพอสมควร โดยถูกผลิตและวางจำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2550 – พ.ศ. 2552 หากใครยังมีรถรุ่นนี้ในครอบครองอยู่ ก็จะมีอายุอานามราวๆ 14 ปีแล้ว และในส่วนของราคาค่าตัวในช่วงปีดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 41,000 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ICON
1. ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
2. เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แม้จะเป็นระบบคาบูเรเตอร์ก็ตาม
3. อะไหล่ตัวรถมีราคาถูก
4. ระบบ Combi Brake คือระบบช่วยกระจายแรงเบรคล้อหน้าหลังให้สมดุลกันแบบเดียวกับ AIR-BLADE
5. U-BOX ใต้เบาะ ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอใส่กระเป๋าสตางค์หรือของชิ้นเล็กได้อยู่พอสมควร

3. MOOVE

ฮอนด้ามูฟ (MOOVE) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 หรือเมื่อประมาณ 6 ปีกว่าๆ เกือบๆ 7 ปี (นับจากปี พ.ศ. 2564) เป็นมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าเกียร์ออโตเมติก มีขนาดเครื่องยนต์ 110 ซีซี ใช้เครื่องยนต์รากฐานเดียวกันกับตระกูล AIR-BLADE และ ICON ที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้า แต่แตกต่างออกไปตรงที่ได้มีการพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงจากคาบูเรเตอร์มาเป็นแบบ PGM-Fi หรือ หัวฉีดนั่นเอง จึงทำให้ฮอนด้ามูฟรุ่นนี้ เป็นรถเกียร์ออโตเมติกของฮอนด้าที่มีความประหยัดน้ำมันพอสมควร และสามารถเติมน้ำมันทางเลือกอย่าง E20 ได้ โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 62.3 กิโลเมตร/ลิตร และมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 100 กิโลกรัมเท่านั้น รูปทรงค่อนข้างกระชับและให้ความน่ารักเอาใจวัยรุ่นโดยเฉพาะสาวๆพอสมควร แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่เจ้าฮอนด้ามูฟรุ่นนี้ ถูกผลิตมาได้แค่เพียงโฉมเดียว

อาจจะมีรุ่น Limited ที่เป็นลวดลายลิขสิทธิ์อย่าง ManU และ Liverpool รวมไปถึง Paul Frank เพื่อเอาใจสาวกของลายนั้นๆ สุดท้ายก็ผลิตและจัดจำหน่ายได้ไม่กี่ปีแล้วก็ยกเลิกสายการผลิตไป ถึงแม้ในช่วงเวลานั้นมีราคาค่าตัวที่ถือว่าถูกเลยกว่าว่าได้ ด้วยราคาเปิดตัวเพียง 49,700 บาทเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ก็อาจเป็นเพราะทับลายตลาดรถขนาดเดียวกันอย่าง Scoopy i ก็เป็นได้

จุดเด่น MOOVE
1. เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด
2. ไฟหน้ามีไฟ Day Light ช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยทั้งกลางวันและกลางคืนได้ดี
3. ลวดลาย Limited ที่เป็นลิขสิทธิ์
4. ระบบ Combi Brake เช่นกัน ถือเป็นจุดแข็งที่นำมาใช้กับหลายๆรุ่นของรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า
5. U-BOX ใต้เบาะ ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรถขนาดเครื่องยนต์พิกัด 110 ซีซี ด้วยกัน

4. NICE125

มาถึงรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่วัยรุ่นยุค 90 น่าจะรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ ฮอนด้า ไนท์ (Nice110) ซึ่งวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปี 2543 หรือประมาณ 21 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใครที่โตพอที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ในยุคนั้น จะแบ่งเป็น 2 ฝั่งเลยทีเดียว คือ ฝั่งที่นิยมรถ 2 จังหวะ และฝั่งที่ชอบพลังงานสะอาดอย่าง 4 จังหวะ ซึ่งเจ้าฮอนด้าไนท์ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายระหว่างรถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าที่ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะไปเป็น 4 จังหวะ ซึ่งข้อแตกต่างของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และ 4 จังหวะนั้น คือ 4 จังหวะจะเป็นเครื่องยนต์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ประหยัดน้ำมัน ไร้ควัน แรงบิดเยอะ ส่วนเครื่องยนต์ 2 จังหวะ จะมีการปล่อยมลภาวะมากกว่า แต่มีความแรงมากกว่า จึงทำให้ในช่วงเวลานั้น คนที่รักในเครื่องยนต์ 2 จังหวะยังคงไม่เปิดรับมากนัก ถ้าเป็นยุคนี้ คือ กำลังจะเป็นยุคที่เปลี่ยนถ่ายจากรถเครื่องยน์ 4 จังหวะ ไปเป็นเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้า

มาต่อกันที่เจ้าฮอนด้า ไนท์ 110 ถือได้ว่าเป็นรถที่มีถังน้ำมันใต้เบาะ มีคอนโซลตรงกลาง มีครัช ซึ่งปกติรถมีครัช จะเป็นรถที่มีถังน้ำมันอยู่ข้างหน้าแบบรถบิ๊กไบค์ทรงสปอร์ท แต่เจ้า ฮอนด้าไนท์ดันมีรูปทรงคล้ายๆ Wave110 จึงเป็นที่มาของรถที่มาของคำพูดติดปากรถที่มีรูปทรงแบบนี้ว่า รถกระเทย ซึ่งแน่นอนว่า รถทรงกระเทยนั้น มีมานานแล้วตั้งแต่สมัย ฮอนด้า ตระกูลโนวา เครื่องยนต์ 2 จังหวะ จนมาถึงเจ้าฮอนด้า ไนท์ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 110 ซีซี ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาบูเรเตอร์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ครัชมือ 4 เกียร์ ถังน้ำมันขนาด 4 ลิตร ซึ่งในยุคนั้น รถรุ่นนี้ก็ถือได้ว่า ประหยัดน้ำมันเอามากๆถึง 50 กิโลเมตรต่อลิตรเลยก็ว่า โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 41,000 บาท

จุดเด่น NICE110
1. ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ
2. รับประกันเครื่องนาน 5 ปีหรือ 50,000 กิโลเมตร เป็นรถรุ่นแรกๆที่กล้ารับประกันนานขนาดนี้
3. โช็คหลังแบบคู่ ทำให้บรรทุกของได้ค่อนข้างดี
4. ประหยัดน้ำมัน

5. PHANTOM

ฮอนด้า แฟนท่อม (PHANTOM) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2541 หรือเมื่อประมาณ 23 ปีที่แล้ว โดยรุ่นแรกที่เปิดตัวจะเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ 150 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยเจ้าแฟนท่อมจะเป็นรถรูปทรง Cruiser หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากในบ้านเราว่าทรงช็อปเปอร์ ต่อมาในช่วงยุคปี พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนถ่ายมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าจากเครื่องยนต์ 2 จังหวะมาเป็น 4 จังหวะ ทางฮอนด้าก็ได้ผลิตเจ้าแฟนท่อมที่ใช้เครื่องยนต์จนาด 200 ซีซี 4 จังหวะ 6 เกียร์ ออกวางจำหน่าย และเปลี่ยนจากระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมาเป็นระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแทน ซึ่งราคาเปิดตัวในตอนนั้นอยู่ที่ราวๆ 89,000 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาที่สูงพอสมควรสำหรับเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว สำหรับในปัจจุบันนั้น ก็จะมีรถรูปทรง Cruiser มาแทนเจ้าแพนท่อมในชื่อรุ่นว่า Rebell ซึ่งก็มีให้เลือกซื้อกันถึง 3 ขนาดเครื่องยนต์ คือ Rebell 300 ราคา 150,00 บาท, Rebell 500 ราคา 230,00 บาท และ Rebell 1100 ราคา 430,00 บาท

จุดเด่น PHANTOM
1. ถังน้ำมันขนาดใหญ่ (11.2 ลิตร ในรุ่น 200 ซีซี)
2. ในรุ่น 200 ซีซี 4 จังหวะ ประหยัดน้ำมันถึง 35 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อเทียบกับขนาดเครื่องยนต์
3. ถึงจะมีรูปร่างขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักตัวเพียง 140 กิโลกรัมเท่านั้น (ในรุ่น 200 ซีซี)
4. เรือนไมล์ฝังอยู่บนถังน้ำมั้น ทำให้มองได้ชัดขึ้นเมื่อเทียบกับท่านั่งที่ยืดยาวของแขนกับระดับสายตา

สรุป

มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่อยู่กับประเทศไทยและคนไทยมาอย่างยาวนาน มีตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์นำเข้าจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น จนมาตั้งโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยฮอนด้าก็ได้ผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยแล้วกว่าหลายล้านคัน มีตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันซีซี ซึ่งก็มีทั้งรุ่นที่ประสบความสำเร็จ ยอดขายถล่มทลาย จนไปถึงรุ่นที่มียอดขายไม่มากนัก และในหลายๆรุ่น กลายเป็นรถสะสมหรือของหายากไปแล้ว แน่นอนว่า หากคุณเป็นคนรักรถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ทางผู้เขียนเชื่อว่า คุณจะต้องมีรถสะสม รถคันโปรด รวมไปถึงอาจจะมีรถที่ใช้ขี่คู่กายมาตลอดหลายปีมานี้อย่างแน่นอน

เครดิตข้อมูล : jrmotor

Leave a Reply