10 หนังสือน่าอ่าน ให้ข้อคิด อัพเดต 2021 ใครไม่เคยอ่านถือว่าพลาดมาก

รวมหนังสือน่าอ่าน อัพเดต 2021 ใครไม่อ่านถือว่าพลาด คอหนังสือยิ่งต้องตามเก็บ

ก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2021 กันแล้ว เราก็ยังคงต้องเจอกับสภาวะหรือสถานการณ์ของเชื้อไวรัส COVID-19 กันอยู่ แถมดูมีทีท่าที่ยังไม่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้อีกด้วย สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น คงทำให้ใครหลายๆ คนต้องเจอกับความตึงเครียด อาจทำให้ต้องกับเจอกับความรู้สึกหดหู่ ไปจนถึงซึมเศร้ากันได้เลยทีเดียว “หนังสือ” จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในการที่จะช่วยปลอบประโลมจิตใจที่ย่ำแย่ของเรา THEKOOROO จึงอยากแนะนำหนังสือน่าอ่าน สำหรับในช่วงครึ่งปี 2021 นี้ เพื่อที่ว่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้จิตใจของเราได้สดใสมากขึ้น

ต้องบอกไว้ก่อนว่า หนังสือที่นำมาแนะนำกันนั้น ไม่ได้จัดตามประเภทว่าเป็นหมวดหมู่นิยาย หรือ Non Fiction แต่จะผสมปนเปกันไป ส่วนใหญ่คงจะเป็นในเรื่องของหนังสือ Self Help เพื่อที่จะตอบโจทย์กับใครหลายๆ คน ในการหาทางออกของชีวิต หรอได้ค้นพบความสุขเล็กๆ จากการอ่านนั่นเอง โดยที่ไม่ได้จัดลำดับตามความนิยมหรือยอดขาย จะบอกว่าเป็นการคัดเลือกผ่านความชอบของผู้เขียนเองก็ว่าได้ แต่รับรองได้เลยว่าเนื้อหาและเรื่องราวที่นำเสนอผ่านหนังสือนั้นจะเติมเต็มช่วงเวลาที่แสนตึงเครียดแบบนี้ให้กับคนที่ได้อ่านอย่างแน่นอน

1. Dear Evan Hansen: เป็นวัยรุ่นมันยาก

หนังสือน่าอ่าน ให้ข้อคิด
Cr: Naiin

เริ่มต้นกันด้วยเรื่อง Dear Even Hansen หรือในชื่อภาษาไทยว่า “เป็นวัยรุ่นมันยาก” สำหรับเรื่องนี้นั้น ก่อนที่จะมาเป็นหนังสือ ได้เป็นละครละครบรอดเวย์มาก่อน แถมยังมีเพลงที่เนื้อหากินใจเป็นอย่างมากอย่างเพลง You will be found สำหรับหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือแนะนำที่อยากให้อ่านกันมากๆ เพราะด้วยความเป็นเรื่องราวที่มาจากบทละคร ทำให้อ่านง่าย แถมยังเข้ากับสังคมตอนนี้ของเรา ที่ในสมัยนี้หลายๆ คนได้รับผลกระทบจากการขับเคลื่อนไปของสังคม จากทั้งทางโซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยีต่างๆ การแข่งขันทั้งในเรื่องของการศึกษา การทำงาน การประสบความสำเร็จ อาจทำให้เราหลงลืมที่จะสำรวจหัวใจตัวเอง หนังสือเล่มนี้จะพาให้เราลงลึกถึงสภาพจิตใจของชีวิตในวัยรุ่น การฆ่าตัวตาย การใช้สารเสพติด โรควิตกกังวล การสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดียทั้งในด้านบวกและลบ

“สวัสดี เอวาน แฮนเซน วันนี้จะต้องเป็นวันที่มหัศจรรย์ และเหตุผลก็คือ…”
จดหมายที่ เอวาน แฮนเซน เขียนถึงตัวเองตามคำแนะนำของนักบำบัดได้ชักนำให้เขากลายเป็นที่รู้จักของทุกคนในโรงเรียน แรงปรารถนาที่จะเข้าพวก หลุดพ้นจากความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกผลักดันให้เอวานเริ่มถลำลึกเข้าสู่วังวนแห่งคำโป้ปดและสถานะที่คนรอบข้างอุปดโลกน์ให้ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา

นี่เป็นเรื่องราวการเติบโตผ่านวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่พูดถึงการเยียวยา บาดแผลทางใจและการดิ้นรนเพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ในยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนถึงกัน แต่กลับไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกเปลี่ยวเหงา แปลกแยก ใครก็ตามที่รู้สึกเหมือนไร้ตัวตนต้องอ่าน – เบกกี อัลเบอร์ทัลลี

  • ชื่อหนังสือ: เป็นวัยรุ่นมันยาก
  • แปลจากหนังสือ: Dear Evan Hansen
  • ผู้เขียน: Val Emmich, Steven Levenson, Benj Paseak, Justin Pual
  • ผู้แปล: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี
  • สำนักพิมพ์: Bear Publishing
  • จำนวนหน้า: 320 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

2. นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

Cr: Naiin

หนังสือน่าอ่านเล่มต่อมาที่อยากจะแนะนำนั้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์โดยเฉพาะกับมนุษย์วัยทำงานอย่างเราๆ (รวมไปถึงทีมงานด้วย 5555) แต่ไม่ใช่ว่าวัย (ยัง) ไม่ทำงานจะอ่านไม่ได้นะ หลายครั้งที่เราพยายามที่จะประสบความสำเร็จ ด้วยเห็นชีวิตของเพื่อน คนรอบข้าง หรือคนในโซเชียลมีเดียที่เราติดตามนั้นพากันประสบความสำเร็จกันไปหมดแล้ว หรือกับค่านิยมที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างการประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยถือเป็นเรื่องราวที่ดี ใครไปถึงเส้นชัยได้ก่อนย่อมประสบความเร็จและได้เปรียบคนอื่นๆ ก่อน แต่ถ้าเราไม่ได้ต้องการหรือไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ไม่ได้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เราจะถือว่าเป็นคนล้มเหลวหรือเปล่า? หนังสือเล่มนี้จะพาให้เราไปพบกับคำตอบ ว่าชีวิตที่เร่งรีบ ไหลไปกับกระแสสังคมที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วนั้น เรากำลังใช้ชีวิตให้ยากเกินไปหรือเปล่านะ

“หลายต่อหลายครั้งที่มักมีใครบางคนบอกให้เราตั้งใจทำนู่นทำนี่ให้ดีนะ ถ้าทำแบบนี้ ถ้าพยายามเข้า จะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ

หลายครั้งที่เราเลือกเดินตามเส้นทางที่หลายคนเดิน เพราะเราเห็นผลลัพธ์ที่ดีของคนอื่นๆ

แต่จะเป็นอย่างไร หากเราได้ออกเดินทางและเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบให้เต็มที่ ขณะเดียวกันก็ผ่อนคลายและไม่ยึดติดจนเกินไป จะเป็นอย่างไร หากเราได้ลองใช้ชีวิตในเส้นทางที่ต่างออกไป

สุดท้ายแล้วไม่มีใครบอกได้หรอกว่าเลือกแบบไหนถึงจะถูก ขนาดบางครั้งที่เราคิดมาอย่างดีแล้ว ชีวิตยังเล่นตลกออกจะบ่อยเลย”

  • นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
  • แปลจากหนังสือ: 하마터면 열심히 살 뻔했다
  • ผู้เขียน: 하완 (Ha Wan)
  • ผู้แปล: ตรองสิริ ทองคำใส
  • ออกแบบปก: 하완 (Ha Wan)
  • สำนักพิมพ์: Springbooks
  • จำนวนหน้า: 279 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery B2S และอื่นๆ

3. RANGE: วิชารู้รอบ

Cr: SE-ED

สำหรับสังคมที่ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันที่สูงไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม เราควรเป็นคนที่เก่งที่สุดแค่อย่างเดียว หรือจะมีความสามารถหลากหลายแต่ไม่เก่งสุดทางสักอย่าง แบบไหนจะดีกว่ากัน? หนังสือน่าอ่านเล่มนี้จะพาเราไปพบเจอกับคำตอบ ว่ายุคนี้มันเป็นยุคของเป็ด!

” ‘ความเป็นเป็ด’ ดีอย่างไร?

หลายคนคงเคยคิดว่าทำไมเราไม่เก่งด้านไหนเลย ทำได้เกือบทุกอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย หรือที่เรียกว่า ‘เป็ด’ และหลายคนที่คิดว่าตัวเองเป็นเป็ด คงเคยนึกน้อยใจเหมือนกันที่ตัวเองไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลยสักด้าน

หรือคำกล่าวที่ว่าถ้าต้องการพัฒนาทักษะในด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี หรืออยากเก่งเรื่องกีฬา ควรเริ่มทำมันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ มุ่งเน้นการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าเริ่มต้นช้ากว่าเพื่อน คุณอาจจะไม่มีโอกาสไล่ตามคนที่เริ่มต้นเร็วได้ทัน 

แต่ถ้าลองพินิจพิจารณาอย่างละเอียดแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬามืออาชีพไปจนถึงผู้ได้รางวัลโนเบล ความเป็น Specialist หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น อาจไม่ได้จำเป็นเสมอไป…
เพราะจริงๆ แล้วการรู้หลายด้านนั้น เป็น ‘ข้อได้เปรียบ’ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ชัยชนะ’ เลยก็ว่าได้!

“วิชารู้รอบ” โดยเดวิด เอปสตีน ผู้เขียนเดียวกับยอดมนุษย์นักกีฬา (The Sports Gene) เป็นนักเขียนอาวุโสมือรางวัล ที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจว่า การที่เรามีทักษะรอบด้าน ที่สั่งสมผ่านการทำสิ่งที่แตกต่างกันไปใน ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เรามองว่ามันต่างกันสุดขั้ว แต่ทักษะหลากแขนงเหล่านั้น อาจมาประสานรวมกันทำให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ในที่สุด

เอปสตีนพูดถึง นักวิทยาศาสตร์ที่มีงานอดิเรกอยู่นอกวงการอาชีพของตัวเอง มีแนวโน้มที่จะได้รับรางวัลโนเบลมากกว่านักวิทยาศาสตร์ที่ตั้งใจอยู่กับหัวข้อแคบๆ นั้นหลายเท่า หรือแม้แต่‘สตีฟ จ็อบส์’ ที่เคยปาฐกถาไว้ว่าการเรียนวิชาอักษรวิจิตร มีผลอย่างมากต่องานออกแบบของเขา ซึ่งดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคโนโลยีเลยก็ตาม

แล้วคุณได้เห็นว่าการรู้รอบด้าน มีชัยเหนือการรู้ลึกในเรื่องเดียวใน “วิชารู้รอบ”

นี่คือหนังสือที่บิลล์ เกตส์ แนะนำให้อ่านประจำปี 2020! และยังเป็นหนังสือขายดีอันดับหนึ่งแห่ง New York Times อีกด้วย! “

  • ชื่อหนังสือ: วิชารู้รอบ
  • แปลจากหนังสือ: RANGE: Why Generalists Triumph in a Specialized World
  • ผู้เขียน: David Epstein
  • ผู้แปล: ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
  • ออกแบบปก: Weasel
  • สำนักพิมพ์: Salt Publishing
  • จำนวนหน้า: 392 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Salt, Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

4. The Why Cafe: คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง

Cr: Naiin

มีช่วงหนึ่งที่วลีเด็ดอย่าง ‘การตามหาตัวตน’ หรือ ‘การค้นหาตัวเอง’ เป็นวลีที่ใครๆ ต่างตั้งคำถามกัน ว่าความหมายของชีวิตของเรานั้น แท้จริงคืออะไรกันแน่ และเส้นทางชีวิตของเรานั้น จะเป็นเส้นทางในรูปแบบไหน และสำหรับใครที่กำลังหลงทางอยู่นั้น หนังสือน่าอ่านเล่มนี้อาจเป็นคำตอบให้ได้

” ขณะที่จอห์นขับรถไปพักผ่อน ด้วยความหวังว่าจะ “ชาร์จแบตฯ” ให้ตนเองในวันหยุดยาว แต่เขากลับหลงทาง หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานประจำไปวันๆ แม้แต่การหนีไปพักผ่อนก็ยังทำให้เขาเหนื่อยขึ้นอีก เขาขับรถวนไม่รู้ทิศทางจนเวลาล่วงเลยไปถึงสี่ทุ่ม ขณะที่กำลังสับสนในชีวิตอย่างที่สุดและน้ำมันรถใกล้จะหมดนั่นเอง จู่ๆ เขาก็พบว่าที่ข้างทางข้างหน้ามีร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งตั้งอยู่ เขาไม่รู้ว่ามันมาตั้งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร มันมีชื่อว่า The Why Are You Here Café  

จอห์นเริ่มหิวมากแล้วเมื่อเข้าไปในคาเฟ่แห่งนั้น เขาจึงรีบเปิดเมนูดูว่ามีอะไรให้กินบ้าง แล้วก็พบคำถาม 3 ข้อ พิมพ์ไว้หลังเมนู 

– เหตุใดคุณจึงมาที่นี่ 

– คุณกลัวตายไหม 

– คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง  

จากเพียงความคาดหวังว่าจะได้กินอาหารอร่อยจนอิ่ม จอห์นกลับได้พบสิ่งที่เขาไม่คาดคิด นั่นคือแรงบันดาลและเส้นทางชีวิตที่จะทำให้เขาไม่หลงทางอีกต่อไป จากเรื่องราวอัศจรรย์ในชีวิตของผู้คนในคาเฟ่แห่งนั้น ทั้งพ่อครัว สาวเสิร์ฟ และแขก เมื่อก้าวออกจากร้าน เขาก็ค้นพบเป้าหมายชีวิตของตนเองเช่นกัน “

  • ชื่อหนังสือ: คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง
  • แปลจากหนังสือ: The Why Café
  • ผู้เขียน: John P. Strelecky
  • ผู้แปล: ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ
  • สำนักพิมพ์: Be(ing)
  • จำนวนหน้า: 184 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, B2S, Readery และอื่นๆ

5. A Man Called Ove: ชายชื่ออูเว

Cr: Readery

หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าครองใจใครหลายคนจนขึ้นแท่นเป็นหนังสือน่าอ่านที่อยากแนะนำต่อ หรือส่งต่อให้กับคนรอบข้าง เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอมนุษย์ลุง หรือมนุษย์ป้า ที่ชอบทำตัวแปลกๆ ขวางโลก หรือทำในสิ่งที่ทำให้ได้แต่สบถในใจว่า “อะไรกันวะเนี้ย? ” แต่เบื้องหลังของพฤติกรรมแปลกประหลาดของมนุษย์เหล่านี้ อาจมีเรื่องราวรวมไปถึงเหตุผลในการกระทำของพวกเขาซ่อนอยู่ก็ได้ การที่เราเห็นในสิ่งที่เขาแสดงออกมาเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ได้แปลว่าพวกเขาเหล่านั้นมีด้านแย่ๆ เพียงด้านเดียวเสมอไป ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วนั้น ย่อมมีหลากหลายเรื่องราว หลากหลายมุมมอง รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต ที่หล่อหลอมให้เขามีพฤติกรรม หรือเป็นคนอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้

“อูเวเป็นชายวัยห้าสิบเก้าที่ทั้งชีวิตถนัดแค่สามอย่าง ซ่อมรถ ซ่อมบ้าน และรักผู้หญิงคนเดียวตลอดชีวิต

จนวันหนึ่งที่ผู้หญิงคนนั้นตายจากไป และอูเวต้องกลายเป็นคนตกงานเพราะบริษัทมีนโยบาย ‘ล้างเลือดเก่า’ อูเวจึงไม่เหลือเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีก

‘ความตาย’ คือลำดับต่อไปที่เขานึกถึง…อูเววางแผนฆ่าตัวตาย

อูเวแค่อยากจะตายอย่างสงบ และคิดว่านั่นไม่ใช่คำขอที่มากเกินไป

แต่ก็อย่างที่เขาเรียนรู้มาทั้งชีวิต บางครั้งชีวิตก็ไม่ให้สิ่งที่เราคิดว่าเรามีสิทธิ์ที่จะได้อย่างง่ายๆ และอุปสรรคขัดขวางแผนฆ่าตัวตายของอูเวก็คือครอบครัวผู้หญิงท้องแก่ต่างชาติที่เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใกล้ๆ กับเจ้าแมวสารรูปพิการพิกลที่เดินงงๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา

เมื่อตายไม่ได้ อูเวก็จำใจต้องมีชีวิตอยู่ต่อ พร้อมกันกับที่บางอย่างบางด้านของอูเวได้รับการเปิดเผยให้ใครๆรับรู้

อูเว ผู้ชายที่ดูเหมือนว่าชีวิตมีแค่ดำกับขาว ผู้ที่ดำเนินชีวิตโดยยึดหลักการว่า อะไรถูกก็ต้องว่าไปตามถูก คนเดียวกับที่เคยเป็นที่รักของผู้หญิงคนหนึ่งโดยเธอให้เหตุผลว่า “เพราะข้างในคุณจะเต้นรำ อูเว เวลาที่ไม่มีใครมอง และตรงนั้นแหละที่ทำให้ฉันรักคุณ”

เหล่านี้มีที่มา ก็เหมือนอย่างที่อูเวว่า “ถึงจุดหนึ่งเราต้องเลือกว่าจะเป็นคนแบบไหน” อูเวเลือกแล้ว และนี่คือเรื่องราวของเขา…”

  • ชื่อหนังสือ: ชายชื่ออูเว
  • แปลจากหนังสือ: A Man Called Ove
  • ผู้เขียน: Fredrik Backman
  • ผู้แปล: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี
  • ออกแบบปก: Chalermpun Punjamapirom
  • สำนักพิมพ์: Merry-Go-Round Publishing
  • จำนวนหน้า: 352 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

6. เปเรย์รายืนยัน หรือ คำยืนยีนของเปเรย์รา

Cr: Readery

ตีพิมพ์ครั้งแรกกับสำนักพิมพ์มติชน มีชื่อว่า ‘คำยืนยันของเปเรย์รา’ ล่าสุดนั้นได้ตีพิมพ์กับสำนักพิม์อ่านอิตาลี ชื่อว่า ‘เปเรย์รายืนยัน’

เล่มนี้ต้องบอกเลยว่า แม้ว่าสถานการณ์หรือเหตุการณ์ภายในหนังสือจะย้อนไปเก่าขนาดไหน แต่ก็ยังคงเข้ากับสถานการณ์ในบ้านเรามากๆ เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องของการเป็นสื่อ

“เปเรย์ราเป็นนักหนังสือพิมพ์สูงอายุ อาศัยอยู่ในกรุงลิสบอนช่วงที่โปรตุเกสปกครองด้วยระบอบเผด็จการ เป็นพันธมิตรกับนาซีและฟาสซิสต์  แต่เปเรย์รายืนยันว่าเขาไม่สนใจการเมือง เขาเป็นบรรณาธิการหน้าวัฒนธรรม วัน ๆ จึงเอาแต่แปลและพิมพ์วรรณกรรมฝรั่งเศสที่เขารัก ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว  เฝ้าคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขากลับลุกขึ้นมาทำสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ และเป็นเหตุให้เขาต้องเขียนคำให้การ ซึ่งก็คือหนังสือเล่มนี้ เปเรย์รายืนยัน”

  • เปเรย์รายืนยัน
  • แปลจากหนังสือ: Sostiene Pereira
  • ผู้เขียน: Antonio Tabucchi
  • ผู้แปล: นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
  • ออกแบบปก: Chalermpun Punjamapirom
  • สำนักพิมพ์: อ่านอิตาลี
  • จำนวนหน้า: 256 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, MatichonBook, Readery และอื่นๆ

7. ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว

Cr: Readery

ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบันนี้มากๆ ที่เรายังต้องกักตัวอยู่บ้าน และอาศัยการ Work from home เป็นหลัก

เคล็ดลับ “การจัดบ้าน” ให้ความคิดและชีวิตปลอดโปร่ง
แค่ทำตามนี้แล้วคุณจะมองเห็นโอกาสดีๆ ที่อยู่รอบตัว

ลองมองไปรอบๆ บ้านของคุณ คุณเห็นโอกาสที่จะมีชีวิตดีขึ้นเป็น 10 เท่าไหม?

คนเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่ที่บ้าน แต่หลายคนกลับมองว่ามันเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน และมองข้าวของภายในบ้านเป็นแค่ของตกแต่งหรือเครื่องอำนวยความสะดวกเท่านั้น

หารู้ไม่ว่าข้าวของเหล่านั้นมีพลังบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

คนโด มาริเอะ จะแนะนำเคล็ดลับการจัดบ้านที่เรียบง่าย ทรงพลัง และมีหลักจิตวิทยารองรับ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บ้านของคุณหายรกแบบถาวรหลังจากลงมือจัดบ้านแค่ครั้งเดียว แต่ยังช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นในทุกๆ ด้านตั้งแต่เรื่องการเงิน การเรียน ความสัมพันธ์ ไปจนถึงสุขภาพ เช่น

  • ทิ้งเอกสารประกอบการเรียนให้ได้อย่างน้อย 80%  แล้วคุณจะเรียนเก่งขึ้นหลายเท่าตัว
  • ยิ่งจัดบ้านบ่อยเท่าไหร่  บ้านยิ่งรกมากเท่านั้น
  • แค่เอาของทั้งหมดออกจากกระเป๋าทุกวัน  แล้วคุณจะมีเงินเก็บมากขึ้น
  • อย่าเก็บของที่ใช้บ่อยไว้ใกล้มือ 
  • จะจัดชั้นหนังสืออย่างไรให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น
  • ถ้าคุณมอบความรักให้กับข้าวของในบ้าน  โชคดีก็จะวิ่งเข้าสู่ชีวิตคุณมากขึ้น
  • แค่เก็บของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่  แล้วคุณก็จะมีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง
  • อย่าหยอดเศษเหรียญใส่กระปุกออมสิน

แล้วคุณจะพบว่า แค่จัดวางข้าวของในบ้านให้เข้าที่  สิ่งดีๆ ก็จะวิ่งเข้ามาในชีวิตคุณ! 

  • ชื่อหนังสือ: ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว
  • แปลจากหนังสือ: 人生がときめく片づけの魔法 The Life-Changing Magic of Tidying Up
  • ผู้เขียน: Marie Kondo
  • ผู้แปล: โยซุเกะ, ปฎิพล ตั้งจักรวรานนท์
  • สำนักพิมพ์: WE LEARN
  • จำนวนหน้า: 256 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

8. Actually, I’m an Introvert: ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ

Cr: SE-ED

บุคลิกลักษณะของเราเสมือนเป็นตารางไล่โทนสี ไม่มีขอบเขตชัดเจน ในคนเดียวกันก็สามารถเป็น ‘คนชอบเก็บตัวที่มีลักษณะค่อนไปชอบทางเข้าสังคม’ และสามารถเป็น ‘คนชอบเข้าสังคมที่ค่อนไปทางเงียบขรึม’ ได้ด้วย จึงไม่อาจอธิบายได้ด้วยคุณสมบัติเพียงอย่างเดียว

การตอบคำถามว่าตัวเรามีลักษณะนิสัยแบบไหนนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องถามใจตัวเอง ไม่ใช่การวัดด้วยไม้บรรทัดของคนทั่วไป

“คนชอบเก็บตัวต้องรวบรวมความกล้าห้าครั้งถึงจะชวนคนอื่นคุยได้ คนชอบเข้าสังคมก็ต้องอดทนอดกลั้นห้าครั้งเพื่อที่จะไม่พูดสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป”

หนังสือเล่มดังจากเกาหลีใต้ที่โดนใจคนอ่านจนติดอันดับขายดี ‘นัมอินซุก’ เล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงที่โตมากับการเป็นคนแบบอินโทรเวิร์ต ทำให้สายตาของเธอมองเห็นด้วยโลกเป็นอีกแบบ เป็นงานเขียนที่สะท้อนให้เห็นภาพของคนร่วมสมัยได้อย่างซื่อตรง และทำให้เข้าใจว่าความแตกต่างของคนเรานั้นล้วนมีที่ทางเป็นของตนเอง

นี่คือเรื่องราวปลอบประโลมหัวใจของคนอินโทรเวิร์ตที่คนยุคนี้ต้องอ่าน

  • ชื่อหนังสือ: ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ
  • แปลจากหนังสือ: Actually, I’m an Introvert 사실, 내성적인 사람입니다
  • ผู้เขียน: นัมอินซุก
  • ผู้แปล: สาริญา แซ่ตั้ง
  • ออกแบบปก: Ae Shoong
  • สำนักพิมพ์: Bibli
  • จำนวนหน้า: 272 หน้า ปกอ่อน
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

9. ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ

Cr: Readery

สำหรับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นัมจุน แห่งวง K-Pop อย่าง BTS นั้นอ่านและแนะนำหนังสือเล่มนี้นั่นเอง แต่ไม่ใช่แค่เพียงเพราะการอ่านตามศิลปิน แต่ตัวหนังสือเองก็มีเนื้อหาที่กินใจ แถมให้แง่คิดได้ดี ทั้งยังปลอบประโลมหัวใจของคนอ่านอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับความนิยมยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมแถมยังตราตรึงใจผู้ชมอีกเป็นจำนวนมาก

“ในความเงียบสงัดยามวิกาล หัวขโมยสามคนก่อเหตุและเข้าไปซ่อนตัวในร้านชำร้าง ทันใดนั้นก็มีจดหมายลึกลับสอดเข้ามาทางช่องประตู ใครบางคนเขียนเล่าปัญหาชีวิตและขอคำแนะนำจากเจ้าของร้านชำ หัวขโมยทั้งสามจึงนึกสนุกและสวมรอยเขียนตอบเอง

แต่จู่ ๆ จดหมายที่เขียนก็หายวับไป…แทนที่ด้วยจดหมายฉบับใหม่ ปรากฏว่าจดหมายที่ว่านั้นถูกส่งมาจากอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน! พวกเขาสงสัยว่าร้านชำแห่งนี้น่าจะมีกลไกบางอย่าง ทำให้ติดต่อกับคนในอีกยุคสมัยได้ และคนที่น่าจะรู้ ความลับนี้ก็คือ คุณนามิยะ เจ้าของร้าน แต่ปัญหาคือเขาจากโลกนี้ไปหลายสิบปีแล้ว! เมื่อมิติแห่งกาลเวลามาบรรจบ…

ร้านชำที่เคยช่วยเหลือผู้คนมากมายผ่านจดหมาย จะทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่”

  • ชื่อหนังสือ: ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ
  • แปลจากหนังสือ: ナミヤ雑貨店の奇蹟
  • ผู้เขียน: Higashino Keigo
  • ผู้แปล: กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
  • สำนักพิมพ์: น้ำพุ
  • จำนวนหน้า: 507 หน้า
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

10. The Alchemist: ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน

Cr: Naiin

“มนุษย์ทุกคนมีหน้าที่เพียงหนึ่ง นั่นคือการสร้างเส้นทางชีวิตแห่งตน”

เรื่องราวของซานติอาโก เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะคนหนึ่งในท้องทุ่งของประเทศสเปน เขาฝันถึงขุมทรัพย์ในพีระมิดที่อียิปต์ 2 ครั้งจนเกิดความสงสัยใคร่รู้ นึกอยากทราบความหมายของฝัน เขาจึงได้พบกับผู้ทำนายฝันชาวยิปซีและชายชราลึกลับผู้อ้างว่าตนเป็นกษัตริย์ ทั้งสองคนทำให้เด็กหนุ่มเริ่มต้นการเดินทางที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอด เส้นทางที่นำเด็กหนุ่มไปสู่ขุมทรัพย์ยากประเมินค่านั้นทั้งลำบากและน่าอัศจรรย์ ทำให้เขาได้เรียนรู้พรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวเองและเรียนรู้ภาษาสากลของโลกที่สรรพสิ่งรอบตัวได้สื่อสารกัน และนี่เองที่เป็นลายแทงกับเข็มทิศ นำพาเขามุ่งหน้าไปพบกับนักเล่นแร่แปรธาตุปริศนาผู้เผยความลับของขุมทรัพย์แก่เด็กหนุ่มและมนุษย์ทุกคน

————

เปาโล คูเอลญู นักเขียนร่วมสมัยที่สำคัญที่สุดคนหนึ่ง หนังสือของเขาขายได้เกิน 320 ล้านเล่มทั่วโลก อยู่ในตลาดหนังสือของ 168 ประเทศ และแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 83 ภาษา 

เขาเกิดที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี 1947 เป็นเจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่มที่มีผู้อ่านมากที่สุดในปัจจุบัน เช่น The Pilgrimage และ ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

เขาเป็นสมาชิกของสถาบันแห่งจดหมายของบราซิล (Academy of Letters of Brazil) ตั้งแต่ปี 2002 และสหประชาชาติแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ส่งสารแห่งสันติภาพ (Messenger of Peace)ตั้งแต่ปี 2007 ในปี 2009 เขาได้รับการบันทึกว่าเป็นนักเขียนผู้เป็นเจ้าของผลงานซึ่งแปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดในโลก (ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน) และยังเป็นนักเขียนที่มีผู้ติดตามมากที่สุดคนหนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ด้วย”

  • ชื่อหนังสือ: ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน
  • แปลจากหนังสือ: The Alchemist
  • ผู้เขียน: Paulo Coelho
  • ผู้แปล: กอบชลี และ กันเกรา
  • สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์ (NANMEE BOOKS)
  • จำนวนหน้า: 160 หน้า ปกอ่อน
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

11. รถหนังสือเร่ของคนพเนจร

Cr: Naiin

ก่อนจะจากกันไปก็ขอแถมอีกสักหนึ่งเล่ม ที่เป็นความชอบส่วนตัวของผู้เขียนเลย เพราะเรื่องราวในเล่มนี้นั้นนอกจากให้แง่คิดที่ดีแล้ว ยังมีความน่ารักซ่อนอยู่ด้วย เรื่องราวยังพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองของหนังสือเล่ม ก่อนจะเกิดหนังสือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกสือย่งเช่นทุกวันนี้

“หากจินตนาการว่าได้ท่องเวลากลับไปสู่ยุคสมัยที่ใครๆ ก็อ่านแต่หนังสือเล่ม เราคงเห็นพ่อค้าแม่ค้ามาเร่ขายหนังสือถึงหน้าประตูบ้าน ประสบการณ์แบบนั้นไม่ยากเกินหลับตานึก แต่ยากเกินสัมผัสถึง ‘รถหนังสือเร่ของคนพเนจร’ อาจช่วยคุณได้ เจ้าเกวียน ‘พาร์นาซัส’ หน้าตาประหลาด บรรทุกหนังสือหลากหลาย จะมาชวนคุณถึงบ้าน เพื่อเดินทางไปในโลกของการอ่านแสนไพศาลกว้างใหญ่ พบความน่ารัก อบอุ่นละมุนละไม และความสนุกสนานหรรษาของโรเจอร์ มิฟฟลิน กับ เฮเลน แม็คกิลล์ ผู้เป็นเจ้าของ ตื่นตาตื่นใจไปกับการผจญภัยระหว่างทางของรถเร่ขายหนังสือ 

Parnassus on Wheels นวนิยายเล่มแรกของคริสโตเฟอร์มอร์ลีย์เขียนขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1917 นอกจากเรื่องราวแสนสนุกเพลิดเพลิน ชวนอบอุ่นหัวใจแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนบันทึกประวัติศาสตร์การค้าขายหนังสือในรูปแบบรถหนังสือเคลื่อนที่ (bookmobile) ซึ่งแพร่หลายอย่างมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เรื่อยมาถึงต้นศตวรรษที่ 20 ยุคสมัยที่หนังสือเดินทางไปเคาะประตูบ้านเพื่อนําความรู้ความสนุกสนาน และช่วยเปิดโลกกว้างให้ผู้คน”

  • ชื่อหนังสือ: รถหนังสือเร่ของคนพเนจร
  • แปลจากหนังสือ: Parnassus on Wheels
  • ผู้เขียน: Christopher Morley
  • ผู้แปล: ไอริสา ชั้นศิริ
  • ออกแบบปก: Manita Songserm
  • สำนักพิมพ์: Bookmoby Press
  • จำนวนหน้า: 184 หน้า ปกอ่อน
  • สั่งซื้อหนังสือได้ที่: Naiin, SE-ED, Readery และอื่นๆ

หนังสือที่ให้ข้อคิดกับชีวิตนั้น อาจไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหนังสือวิชาการ หรือหนักสือแนวไลฟ์โค้ชเสมอไป แต่ภายในเรื่องราวของนิยายหรือเรื่องแต่งต่างๆ ที่ส่งผ่านตัวอักษร อาจแฝงไปด้วยแง่คิดมากมาย ที่ให้คนอ่านอย่างเราๆ ได้ฉุดคิด หรือได้คำตอบกับชีวิต หรือสะท้อนมุมมองหนึ่งผ่านตัวละครที่ดำเนินอยู่ในเรื่องราวนั้นๆ ซึ่งก็อาจจะไปตรงใจของใครบางคนได้เหมือนกัน หนังสือที่ทีมงานได้นำมาแนะนำ ก็เป็นหนึ่งในหนังสือเหล่านั้นเช่นกัน ถ้าใครกำลังมองหาหนังสือดีๆ ที่ครั้งหนึ่งต้องได้ลองอ่าน ก็สามารถไปหาซื้อมาอ่านกันได้เลย ได้ลองอ่านสักครั้งรับรองว่าจะไม่เสียดายเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน

Leave a Reply