กลับมาอีกครั้งครับกับบทความเกี่ยวกับ “FIFA World Cup balls” หรือลูกฟุตบอลที่เคยใช้ใน World Cup แต่ละครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในบทความนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้ว เรามาดูใน World Cup ยุคใหม่กันดีกว่า
FIFA World Cup balls หรือลูกฟุตบอลที่ใช้ในฟุตบอลโลก
ปี 1994 – ลูกฟุตบอล Questra (Host – United States)

World Cup 1994 เป็นครั้งที่แฟนบอลบ้านเราต้องอดตาหลับขับตานอนกว่าปกติเนื่องจากแข่งที่ประเทศ United States ซึ่งเวลาห่างจากบ้านเรากว่า 12 ชั่วโมง
“Questra” คือชื่อของลูกฟุตบอลใน World Cup ครั้งนั้น ซึ่งมีที่มาจาก “Quest for the star” เพราะถูกผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีอวกาศ โดยเพิ่มชั้น Polyurethane เข้าไปเพื่อทำน้ำหนักให้เบาลง เรียกได้ว่าเป็นฝันหวานของกองหน้าและฝันร้ายของผู้รักษาประตูเลยทีเดียว!
การแข่งขัน World Cup 1994 จบด้วยการเป็นแชมป์ของทัพแซมบ้า Brazil ซึ่งเอาชนะ Italy ไปได้ด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งจะว่าไปแล้วหนึ่งในเหตุการณ์ใน World Cup ครั้งนั้นยังคงถูกพูดถึงกันอยู่ทุกวันนี้

ในการดวลจุดโทษ Italy เป็นฝ่ายยิงก่อนตามด้วย Brazil และเมื่อยิงกันไปฝ่ายละ 4 คนแล้ว สกอร์เป็น Brazil นำอยู่ 3-2 โดยคนสุดท้ายของ Italy คือกองหน้าที่โด่งดังเป็นพลุแตกในยุคนั้นอย่าง “เจ้าเปียร์ทองคำ” Roberto Baggio ซึ่งต้องยิงให้เข้าก่อนเพื่อต่อลมหายใจให้กับ Italy ไปลุ้นกันต่อ
ทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีด Baggio บรรจงวิ่งเข้าไปยิงด้วยเท้าขวา แต่ผลปรากฏว่าลูกบอลโด่งข้ามคานไปไกลส่งผลให้ Brazil คว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จ ซึ่งช็อตสะเทือนใจก็คือจังหวะที่กล้องจับไปที่ Baggio หลังจากยิงพลาด โดยเป็นสีหน้าและแววตาที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก….
ปี 1998 – ลูกฟุตบอล Tricolore (Host – France)

เรียกได้ว่ามาไกลมากสำหรับ FIFA World Cup balls ถ้านับตั้งแต่การใช้หนังแท้สีน้ำตาลสู่สีขาวดำและมาถึง “Tricolore” ใน World Cup 1998 เนื่องจากเลือกใช้สีของธงชาติ France เจ้าภาพ ประดับไปด้วยการสร้างลายน้ำลงบนแบบพิมพ์อย่างอลังการ

สีทั้งหมดที่บรรจงแต่งแต้มลงไปให้เป็นสีสันบนลูกฟุตบอลมีอยู่ 3 สีก็คือน้ำเงิน แดง ขาวเหมือนกับธงชาติของประเทศเจ้าภาพ France นอกจากนี้ยังมีการเสริมชั้นโฟมเข้าไปในลูกฟุตบอลเพื่อให้มีเกิดความนุ่มและสามารถพุ่งไปได้เร็วยิ่งขึ้น
WorldCup 1998 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประเทศเจ้าภาพประสบความสำเร็จ ทีมชาติ France คว้าแชมป์ในครั้งนั้นไปได้อย่างพลิกความคาดหมายด้วยการเอาชนะ Brazil ทีมเต็งหนึ่งไปได้ 3-0 และถือว่าเป็นแชมป์โลกสมัยแรกของพวกเขา

นักเตะที่แจ้งเกิดใน World Cup ครั้งนั้นล้วนเป็น SuperStar ในเวลาต่อมาอย่าง Zinedine Zidane, Thiery Henry, David Trezeguet เป็นต้น
ปี 2002 – ลูกฟุตบอล Fevernova (Host – Japan, South Korea)

World Cup 2002 ถือว่าจัดในผืนแผ่นดิน Asia เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั่นก็คือประเทศ Japan และ South Korea และยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการแข่งขันด้วยการมีเจ้าภาพร่วมอีกด้วย
ลูกฟุตบอลประจำการแข่งขันในครั้งนี้คือ “Fevernova” ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริงพร้อมกับการนำรูปแบบการผลิตใหม่มาใช้ทั้งหมด โดยถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเป็นอย่างมากพร้อมเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำกว่าเดิมหลายเท่าตัวและใช้สัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีทองแดงและเขียวประดับบนลูกฟุตบอล
จากการได้สัมผัสจริงของนักเตะก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น มีทั้งมุมมองของผู้รักษาประตูทีมชาติ Italy อย่าง Gianluigi Buffon กล่าวว่าลูกฟุตบอลลูกนี้มันเคลื่อนที่อย่างบ้าคลั่ง!! ในขณะที่กองกลางสุดหล่อของทีมชาติ England อย่าง David Beckham บอกว่าเจ้า Fevernova นี้มันช่างสั่งได้ดั่งใจ!!!

ส่วนการแข่งขันในครั้งนั้น ทีมที่กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่งก็คือ Brazil ที่นำโดย “Triple R” อย่าง Rivaldo, Ronaldinho และ Ronaldo สามารถเอาชนะ Germany ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 2-0
ปี 2006 – ลูกฟุตบอล Teamgeist (Host – Germany)

แน่นอนว่าในเมื่อประเทศบ้านเกิดของแบรนด์ Adidas โคจรกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง ความพิเศษย่อมต้องมาพร้อมกันไปด้วยกับ “Teamgeist”
Teamgeist ถูกยกให้เป็น FIFA World Cup balls ที่ดีที่สุดตั้งแต่มีการแข่งขัน World Cup มาเลยก็ว่าได้ ออกแบบด้วยการนำชิ้นส่วน 14 ชิ้นเชื่อมต่อเข้าด้วยกันและลดการใช้รอยต่อของลูกฟุตบอลที่เดิมใช้อยู่ 32 ชิ้น เพื่อให้มีความกลมและความเร็วที่มากขึ้น ถือว่าแสดงออกถึงความเป็นชาติ Germany อย่างแท้จริง

ถึงแม้ว่าจะมีหลายฝ่ายพูดถึง Teamgeist ในทางลบอยู่บ้างในเรื่องการเป็น “Knuckleball” หรือลูกฟุตบอลที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้เลย แต่โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ลวดลายเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของลูกฟุตบอลลูกนี้ช่างกลมกลืนและแฝงไปด้วยความสามัคคี ด้วยชื่อ “Teamgeist” ที่แปลเป็นภาษา Germany ได้ว่า “ทีมสปิริต”
นอกจากนี้ Adidas ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการใส่ชื่อทีมและแมทซ์การแข่งขันลงบนลูกฟุตบอล รวมถึงออกแบบ FIFA World Cup balls แบบพิเศษใช้เฉพาะนัดชิงชนะเลิศนั่นก็คือ “Teamgeist Berlin”
โดยการแข่งขัน World Cup 2006 ชาติที่คว้าแชมป์ไปครองก็คือทีมชาติ Italy ยุคที่เรียกได้ว่าดีที่สุดของพวกเขาแล้วก็ว่าได้โดยการนำทัพของ Gianluigi Buffon, Fabio Cannavaro, Andrea Pirlo, Gennaro Gattuso, Francesco Totti, Alessandro Del Pireo เป็นต้น

พวกเขาเอาชนะ France ในนัดชิงชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษไปได้ ส่วนเจ้าภาพ Germany ต้องอกหักตกรอบรองชนะเลิศไป
ปี 2010 – ลูกฟุตบอล Jabulani (Host – South Africa)

ประโยคที่ว่า “เทคโนโลยีมาพร้อมกับคำวิพากษ์เสมอ” น่าจะเห็นภาพได้ชัดที่สุดสำหรับ “Jabulani” ลูกฟุตบอลที่ใช้ใน World Cup 2010 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดในทวีป Africa
Adidas พยายามพัฒนาการผลิตลูกฟุตบอลหลังจากที่ใช้ชิ้นส่วนแค่ 14 ชิ้นใน Teamgeist ให้เหลือเพียง 8 ชิ้นเพื่อให้ลูกฟุตบอลมีความกลมมากขึ้น แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเหล่าผู้รักษาประตูที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางลูกฟุตบอลได้เลย

Michael Ballack และ Frank Lampard นักเตะในสังกัตของ Adidas บอกว่า Jabulani เป็นลูกฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพ แต่ผู้รักษาประตูอย่าง Julio Cesar กับ Iker Casillas บอกว่ามันเป็นลูกฟุตบอลที่หาซื้อได้ตาม Supermarket มันไม่ใช่ FIFA World Cup balls!!!
เรื่องถึงองค์การ Nasa ที่เข้ามาอธิบายถึงกระบวนการทำงานของ Jabulani ว่าจะเริ่มส่ายในอากาศด้วยความเร็วที่สูงกว่าลูกฟุตบอลลูกอื่นๆ เนื่องจากผิวสัมผัสที่เรียบขึ้น มันเต็มไปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เหนือกว่าเดิมมาก โดยจุดเด่นของมันอยู่ที่การผลิตภายใต้แนวคิด “Grip n’ Groove” คือมีเกร็ดและร่องบนผิวลูกบอลทำให้การปล่อยผ่านจากเท้าสู่อากาศเต็มไปด้วยพลัง
ชาติที่คว้าแชมป์ไปได้ใน World Cup 2010 ก็คือ Spain ซึ่งเอาชนะ Netherlands ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศจากการยิงในช่วงต่อเวลาพิเศษของ Andrés Iniesta ในนาทีที่ 116
ปี 2014 – ลูกฟุตบอล Brazuca (Host – Brazil)

หลังผ่านการโหวตของแฟนๆชาว Brazil ทั่วประเทศ ผลปรากฏว่าแฟนบอลเกือบล้านเสียงต่างโหวตให้ “Brazuca” เป็นชื่อลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ใน FIFA World Cup balls ครั้งนั้น

Brazuca เป็นชื่อที่มีสองความหมาย โดยความหมายแรกจะเป็นการสื่อถึงคน Brazil ที่ไปใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งรวมถึงนักฟุตบอลหลายๆคน ขณะที่อีกความหมายเป็นการบรรยายถึงความภาคภูมิใจในวิถีชีวิตและความเป็นประชาชนชาว Brazillian นั่นเอง
นอกจากนี้ Brazuca ยังถือว่าเป็นลูกฟุตบอลที่ Adidas ทำการทดสอบมากที่สุด เนื่องจากส่งให้สมาคมฟุตบอลชาติต่างๆในโลกส่งต่อไปยังนักฟุตบอลได้ทดสอบด้วยตัวเองอยู่ 6 เดือนเต็ม เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือนเจ้า Jabulani เมื่อ World Cup 2010
Germany คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ Argentina ในช่วงต่อเวลาพิเศษจากการยิงของ Mario Gotze ในนาทีที่ 113
ปี 2018 – ลูกฟุตบอล Telstar 18 (Host – Russia)

ใน World Cup 2018 นี้ Adidas ใช้ลูกฟุตบอล “Telstar 18” ซึ่งถือเป็นการนำรุ่น Classic ของพวกเขากลับมาใช้อีกครั้งนั่นก็คือ Telstar ซึ่งเป็นลูกฟุตบอลลูกแรกของ Adidas ที่ใช้ใน World Cup เมื่อปี 1970 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1994 ที่พวกเขากลับมาใช้สีขาว-ดำบนลูกฟุตบอล

ชาติที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จก็คือ France ด้วยการเอาชนะชาติที่หักปากกาเซียนเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศอย่าง Croatia ไปได้ 4-2 ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ Mario Mandžukić ตามมาด้วย Antoine Griezmann, Paul Pogba และ Kylian Mbappé
บทความที่น่าสนใจ : https://www.thekooroo.com/content/