Tennis Player แห่งยุคกับ 2 ตำนานผู้กินกันไม่ลง

เทนนิส (Tennis) เป็นกีฬาที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมในยุคสมัยนี้เท่าที่ควร อาจเป็นเพราะมาจากสาเหตุเรื่องสนาม การต้องไปหาทำเลที่ตั้งสนาม Tennis เพื่อเช่าตีกับเพื่อนอาจจะดูลำบากไปสักหน่อยถ้าเทียบกับการเล่นแบดมินตัน (Badminton) ที่ถนนหน้าบ้าน แถมยังต้องซื้ออุปกรณ์เฉพาะที่ราคาอาจจะค่อนข้างสูงกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ

แต่อีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญและผู้เขียนมองว่าเป็นสาเหตุหลักก็คือ การที่บ้านเราขาดนักกีฬาเทนนิสที่เป็นแรงบันดาลใจและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไปนานพอสมควร

“Tennis Fever” ยุคบุกเบิกความถนนโล่งในเมือง

ก่อนที่จะมีวลีเด็ดที่พูดกันว่า “เย็นนี้ถนนโล่งแน่ บอลไทยเตะ!” หรือ “วันนี้รีบกลับไปเชียร์น้องเมดีกว่า!!” ในยุคหนึ่งชื่อของ “ภราดร ศรีชาพันธุ์” ก็เป็นที่รู้จักไม่เป็นรองพระเอกละครในยุคนั้นอย่างพี่ติ๊ก เจษฏาภรณ์ หรือ เคน ธีรเดช เลยแม้แต่น้อย

ภราดร ศรีชาพันธุ์ คือนักกีฬาเทนนิสขวัญใจชาวไทยที่เวลาไปแข่งขันต่างประเทศทีไร ทุกคนต้องรีบกลับบ้านไปดูการถ่ายทอดสดหรือแม้กระทั่งตีดึกๆดื่นๆก็ยอมอดตาหลับขับตานอนมาเชียร์ แล้วภราดร เก่งระดับไหนในยุคนั้น???

ภราดร ศรีชาพันธุ์ กับ 5 แชมป์ระดับ ATP International Series

ภราดร สามารถคว้าแชมป์ได้ 5 รายการและรองแชมป์อีก 6 รายการตลอดการเป็นนักกีฬาอาชีพ และยังเคยขึ้นไปจุดสูงสุดแตะอันดับ 9 ของโลกมาแล้ว

  • August 2002 – Long Island, United States ชนะ Juan Ignacio Chela ด้วยคะแนน 5–7, 6–2, 6–2
  • October 2002 – Stockholm, Sweden ชนะ Marcelo Ríos ด้วยคะแนน 6–7(2–7), 6–0, 6–3, 6–2
  • January 2003 – Chennai, India ชนะ Karol Kučera ด้วยคะแนน 6–3, 6–1
  • August 2003 – Long Island, United States ชนะ James Blake 6-2, 6-4 (ป้องกันแชมป์)
  • June 2004 – Nottingham, United Kingdom ชนะ Thomas Johansson ด้วยคะแนน 1–6, 7–6(7–4), 6–3

ทั้งหมดคงเป็นเครื่องการันตีว่าเขาคือนักกีฬาขวัญใจชาวไทยอย่างแท้จริง นี่ยังไม่รวมการสร้างเสียงหัวเราะด้วยท่าทางอันเป็นมิตรให้กับแฟนๆที่เข้ามาชมในสนาม หรือแม้กระทั่งครั้งหนึ่งเคยได้ศรีภรรยาเป็นระดับนางงามจักรวาลชาว Canada อย่าง Natalie Glebova มาแล้ว แหม่….ข้อนี้นี่แหละชายไทยถึงหันมาเล่น Tennis กันยกใหญ่!!!!

ภราดรคือ SuperHero ของน้องๆเยาวชนที่หันออกมาเล่นกีฬาเพื่อจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ทั้งนี้เขายังสร้างแรงบันดาลใจต่างๆมากมายให้กับทุกคนที่เห็นถึงความไม่ยอมแพ้ของเขาเวลาอยู่ในสนาม

ขนาดระดับประเทศยังมีมุมมองที่จับต้องได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นนักเทนนิสระดับโลกล่ะ! พวกเขาคงต้องสร้าง Impact อะไรได้ไม่มากก็น้อยให้กับคนทั้งโลก…..

ถ้าจะให้กล่าวถึงกฏ กติกา หรือการนับคะแนนของกีฬาชนิดนี้ท่าจะยาว ผู้เขียนขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดตรงนั้นนะครับ แต่จะขอนำเสนอ 3 ราชาแห่งลูกสักหลาดว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงมาถึงจุดนี้ได้ ไปทำความรู้จักพวกเขากัน

เจ้าชายแห่งวงการ Tennis ที่กินกันไม่ลง

Roger Federer (Switzerland)

Roger Federer คือนักเทนนิสที่ครองความยิ่งใหญ่ยาวนานมาก เดินหน้าทำลายสถิติต่างๆทั้งของคนอื่นหรือตัวเองเป็นว่าเล่นและถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะมีอายุ 40 ปีแล้ว แต่ยังคงมาตรฐานในการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา

Federer เริ่มเล่นเทนนิสตอนอายุประมาณ 8 ขวบ ช่วงนั้นตัวเขาชอบกีฬาเกือบทุกชนิด ซึ่งเป็นการวางรากฐานให้กับสภาพร่างกายได้อย่างดี ต่อมาเขาได้ฝึกซ้อมกีฬาเทนนิสอย่างถูกวิธีกับโค้ชคนแรกนั่นก็คือ Madeleine Barlocher โดยโค้ชของเขากล่าวว่า “วันแรกที่ผมเจอ Roger เขาบอกผมว่า เขาต้องการเป็นที่หนึ่งของโลก!!!”

ตอนอายุ 14 ปี Federer ตัดสินใจย้ายออกจากครอบครัวไปใช้ชีวิตที่สถาบันเทนนิสแห่งชาติใน Switzerland ในช่วงปีแรกๆเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเล่นเทนนิสและกระหายความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของเขาในวัยนี้ นั่นก็คือการชนะการแข่งขันระดับ Junior ที่ Wimbledon (การแแข่งขันรายการคอร์ดหญ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก) แต่เขาก็ต้องผิดหวังกับผลการแข่งขัน…..

แต่คำที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ท่าจะจริง เพราะอีกเพียงแค่ 7 ปีต่อมา Roger Federer สามารถคว้าแชมป์รายการ Wimbledon ระดับ Senier ได้สำเร็จและนั่นถือว่าเป็นแชมป์ Grand Slam แรกในชีวิตของเขา

Federer คือนักเทนนิสคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สร้างสถิติคว้าแชมป์ระดับ Gland Slam ได้ถึง 20 ครั้งประกอบไปด้วย

  • Wimbledon 8 ครั้ง
  • Australian Open 6 ครั้ง
  • US Open 5 ครั้ง
  • French Open 1 ครั้ง

Roger Federer ได้ให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยครั้งเมื่อถูกถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จในการเป็นนักกีฬาอาชีพ ตัวเขาจะตอบ 7 ข้อเสมอ ซึ่งเขาบอกว่าไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จทางด้านกีฬาเท่านั้น แต่จะประสบความสำเร็จในชีวิตทั่วไปได้อีกด้วย

1.) สงบสติอารมณ์ภายใต้ความเครียด

2.) ยอมรับการทำงานหนัก

3.) ต้องมีการเตรียมการเสมอ

4.) พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

5.) เรียนรู้จากการสูญเสีย

6.) มุ่งสู่เป้าหมายนำไปสู่ความสำเร็จ

7.) พัฒนาจุดแข็งของตัวเอง

สไตล์การเล่นที่สง่างามบวกกับเทคนิค Volley หน้าเน็ตอย่างประณีต แถมตัวเขายังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนามจนถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 21 ทำให้เขาชนะใจแฟนๆเทนนิสทั่วโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย

Rafael Nadal (Spain)

“ผมเห็นความเฉลียวฉลาดในการเรียนรู้และแววความรุ่งโรจน์ของเขา” คำกล่าวสั้นๆของ Tony Nadal คุณลุงแท้ๆของ Rafael Nadal ในวันที่ตัวเขามีอายุเพียง 3 ขวบได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปกครองที่สวมวิญญาณผู้ปลุกปั้นจากทั่วทุกมุมโลกได้เป็นอย่างดี

Rafael Nadal เกิดมาท่ามกลางครอบครัวนักกีฬาอย่างแท้จริง Miguel Angel Nadal คุณลุงของเขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ Spain ที่ผ่านการเล่น World Cup 2002 มาแล้ว ขณะที่ Tony Nadal คือคุณลุงอีกหนึ่งที่เป็นนักเทนนิสอาชีพเช่นเดียวกัน

จากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างการเป็นนักฟุตบอลกับการเป็นนักเทนนิส แต่ในที่สุดเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เขาเดินทางในวงการลูกสักหลาด และลุง Tony Nadal คือผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้อย่างแท้จริง

จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้ว Rafael Nadal ถนัดมือขวา แต่คุณลุงของเขาตั้งใจฝึกฝนให้ใช้มือซ้าย ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการสร้างอาวุธที่แตกต่างให้กับหลานชายเพื่อเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน และนั่นก็คือจุดกำเนิดของ Four-Hand Top Spin ที่เป็นลูกถนัดของตำนานที่ชื่อว่า Rafael Nadal

Nadal เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์ระดับภูมิภาคในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีได้สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 8 ปีในวัยเพียง 8 ขวบ ต่อมาเขา Turn-Pro (ก้าวสู่การแข่งขันเทนนิสอาชีพ) ตอนอายุเพียง 15 ปีซึ่งถือว่าเป็นนักกีฬาอาชีพได้รวดเร็วมาก

ในระดับชาติเขาพาทีมชาติ Spain คว้าแชมป์ Davis Cup (รายการแข่งขันระดับนานาชาติในเทนนิสชาย หรือ Word Cup of Tennis) ด้วยวัยเพียง 18 ปี ดูเหมือนเส้นทางในวงการลูกสักหลาดของ Nadal เห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานเกินรอ….แชมป์ Grand Slam แรกก็มาถึง Rafael Nadal คว้าแชมป์ French Open ได้สำเร็จทั้งๆที่เป็นการลงแข่งรายการนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตและหลังจากนั้นก็คว้าแชมป์รวมได้ถึง 13 สมัย

เขาเคยชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันได้ถึง 81 นัด ซึ่งยากเหลือเกินที่จะมีใครมาทำลายสถิตินี้ได้ และจากความสำเร็จในคอร์ทดินอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า “King of Clay Court” ในขณะที่ผลงานในคอร์ทประเภทอื่นของเขาทั้ง Glass Court (คอร์ทหญ้า) และ Hard Court (คอร์ทปูน) ก็ถือว่าดีเด่นเช่นกัน

  • US Open 4 ครั้ง
  • Wimbledon 2 ครั้ง
  • Australian Open 1 ครั้ง

ส่วนในเรื่องทัศนคติและเคล็ดลับความสำเร็จ Rafael Nadal มีแรงยึดมั่นอยู่ 10 ข้อจากคำกล่าวของเขา

1.) เป้าหมายที่ชัดเจน

2.) การรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้

3.) ความมั่นใจในตนเองและความยืดหยุ่นทางจิตใจ

4.) ความสมดุลทางอารมณ์

5.) วินัยเป็นเลิศ

6.) การทำงานเป็นทีม

7.) ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน

8.) ความยืดหยุ่นในการรับมือกับการแข่งขันที่เข้มข้นและยาวนาน

9.) การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

10.) มี Focus ที่ชัดเจน

เพื่อนๆหลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วนักเทนนิสอีกหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กันในยุคนี้อย่าง “Novak Djokovic” ชาว Serbia ไม่พูดถึงเหรอ?

ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเรื่องราวของ Novak Djokovic มีความน่าสนใจไม่แพ้ Roger Fedderer และ Rafael Nadal เลยล่ะครับ และน่าจะเขียนเป็นหนึ่งเรื่องยาวๆได้เลย ไว้รอติดตามกันนะครับ

บทความที่น่าสนใจ : https://www.thekooroo.com/content/

Leave a Reply