Christiano Ronaldo : บุรุษผู้เกิดมาทุบทุกสถิติบนผืนสนาม

ในยุคปัจจุบัน การติดตามฟุตบอลต่างประเทศเป็นเรื่องเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งเชื่อว่าแฟนบอลคงพูดถึงผู้เล่นที่เก่งและทรงพลังที่สุดในโลกอยู่สองชื่อ โดยพวกเขาคือคู่แข่งกันมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า “Who’s Win!!!” นั่นก็คือ ลีโอเนล เมสซี่ (Leonel Messi) กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Christiano Ronaldo) สองกัปตันผู้เป็นทุกอย่างของทีมชาติอาร์เจนติน่า และ โปรตุเกส ตามลำดับ

ในบทความนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงบุรุษผู้เกิดมาทุบทุกสถิติบนผืนสนามอย่าง Christiano Ronaldo ก่อนละกันนะครับ…..

ยุค 80 ที่รวมเหล่าดาวดังสุดคลาสสิค

ก่อนอื่นเรามาไล่เรียงเหล่าบรรดาแข้งขั้นเทพของโลกฟุตบอลตั้งแต่อดีตกันหน่อยดีกว่า ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงมีนักเตะในดวงใจกันไม่มากก็น้อย และมีอยู่หลายชื่อเมื่อกล่าวขึ้นมาถึงทุกคนต้องร้อง อ๋อออ!!!

ย้อนกลับไปยุค 80 แฟนบอลยุคเก่าๆหน่อยก็จะคุ้นชื่อของ ทีมชาติเยอรมันตะวันตก (West Germany) ที่นำทัพด้วยกองกลางจอมเทคนิคอย่าง Karl-Heinz Rummenigge และ Bernd Schuster ที่คว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1980 (Euro 1980) ไปได้อย่างยิ่งใหญ่

ส่วนทีมขวัญใจมหาชนอย่างทีมชาติอังกฤษ (England) ก็นำทัพด้วย Glenn Hoddle, Kevin Keegan, Ray Clemence หรือจะข้ามไปดูแชมป์ World Cup 1982 อย่างอิตาลีก็มี Paolo Rossi, Dino Zoff, Marco Tardelli เป็นตัวชูโรง

ยุค 90 ที่ SuperStars ล้นโลก

ไล่มาในยุค 90 นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ SuperStars ล้นโลกมาก เรามาเรียงลำดับ Top 10 สำหรับผู้เล่นที่แฟนบอลโหวตให้เป็นขวัญใจ www.ranker.com

  • Zinedine Zidane (France)
  • Ronaldo (Brazil)
  • Alessandro Del Piero (Italy)
  • Dennis Bergkamp (Netherlands)
  • Roberto Baggio (Italy)
  • Thierry Henry (France)
  • Peter Schmeichel (Denmark)
  • Roberto Carlos (Brazil)
  • Hristo Stoichkov (Bulgaria)
  • Romário (Brazil)

เชื่อว่า Top 10 ที่ทาง www.ranker.com เผยออกมานั้น คงไม่มีใครสงสัยกับความสามารถของพวกเขา และก็คงพยักหน้าขานรับเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช่!!! พวกเขาคือสุดยอดตำนานของวงการฟุตบอล

กว่าจะมาเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Christiano Ronaldo)

เรากลับมาเข้าเรื่องของบุรุษคนนี้กันดีกว่าครับ ถึงแม้ฟุตบอล Euro 2020 ที่ผ่านมา ทีมชาติโปรตุเกสจะไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันพ่ายให้กับเบลเยี่ยมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จบเส้นทางแชมป์เก่าไว้เพียงแค่รอบนี้ แต่ผู้ที่สร้างความโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่องทุกนัด และคว้ารางวัลดาวซัลโว (Golden Boot) ประจำการแข่งขันไปครอง ก็คือ Christiano Ronaldo กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา โดยซัลไวไปทั้งหมด 5 ประตู และยังถือว่าเป็นการสร้างและทำลายสถิติต่างๆอย่างต่อเนื่อง

เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นเกมยูโรรอบสุดท้าย 5 สมัย

ถ้านับอายุก็เรียกได้ว่า 16 ปีกันเลยทีเดียว (Euro 2020 เลื่อนการแข่งขันมาหนึ่งปี เท่ากับ 17 ปีด้วย!) Ronaldo ในวัย 36 ปีไม่ใช่แค่เพียงเข้าร่วมมา 5 ครั้งในปี 2004, 2008, 2012, 2016 และ 2020 แต่เขายังทำประตูได้ทุกครั้งอีกด้วย

เป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลยูโร

จากการลงสนามในยูโร 5 สมัยของ Christiano Ronaldo เขาทำได้ทั้งหมด 14 ประตู ทำลายสถิติเดิมที่ Michael Platini นโปเลียนลูกหนังชาวฝรั่งเศสทำไว้ 9 ประตูอย่างราบคาบ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่สามารถทำลายสถิติที่ Platini ทำไว้ คือการทำประตูได้ในการแข่งขันครั้งเดียวที่ 9 ประตูใน Euro 84 แต่ก็ทำลายสถิติการทำประตูรวมได้อย่างงดงาม

– เป็นนักเตะที่ทำประตูในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์มากที่สุดตลอดกาลของโลก

ก่อนหน้านี้ในศึกฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) และ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (European Football Championship) ซึ่งสองทัวร์นาเม้นท์นี้เรียกว่าระดับเมเจอร์ ผู้ที่ทำสถิติการยิงประตูมากที่สุดก็คือ Miloslav Klose กองหน้าจอมเหินเวหาของทีมชาติเยอรมัน ที่ทำไปทั้งหมด 19 ประตู ซึ่งตัวของ Ronaldo หลังจากจบ Euro 2020 เขาทำไปได้ทั้งหมด 21 ประตู แบ่งเป็น World Cup 7 ประตูและ Euro 14 ประตู ถือว่าเป็นการทำลายสถิติไปในที่สุด

เป็นนักเตะที่ทำประตูระดับทีมชาติสูงสุดตลอดกาล

ถึงแม้จะใช้คำว่า “สูงสุดตลอดกาล” แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าสถิตินี้ยังเป็นเพียงสถิติร่วม เนื่องจากตอนนี้ Ronaldo ทำประตูในระดับชาติไป 109 ประตูตลอดการลงเล่น 178 นัด (เฉลี่ยยิงได้ 1 ประตู ทุกๆ 130 นาที) ซึ่งยังเป็นจำนวนประตูที่เท่ากับ Ali Daei กองหน้าจอมถล่มประตูชาวอิหร่านที่โด่งดังมากในยุค 90 แต่ถือว่า Ronaldo มีโอกาสทำลายสถิติอยู่ไม่น้อย เพราะดูจากสภาพร่างกายในวัย 36 กระรัต ยังเล่นฟุตบอลได้สบายๆไปอีก 2-3 ปี เหลือแค่ว่าสถิตินี้จะถูกทำลายลงเมื่อใดเท่านั้นเอง

สถิติยิงประตูสูงสุดในเกมทีมชาติ

1.) 109 ประตู จาก 149 นัด – Ali Daei (Iran)

2.) 109 ประตู จาก 177 นัด – Christiano Ronaldo (Portugal)

3.) 89 ประตู จาก 142 นัด – Mokhtar Dahari (Malaysia)

4.) 84 ประตู จาก 85 นัด – Ferenc Puskás (Hungary)

5.) 79 ประตู จาก 111 นัด- Godfrey Chitalu (Sambia)

6.) 78 ประตู จาก 137 นัด – Hussein Saeed (Iraq)

7.) 77 ประตู จาก 92 นัด – Pelé (Brazil)

สำหรับ 109 ประตูของ Ronaldo แบ่งตามการแข่งขันได้ดังนี้

  • แมตช์อุ่นเครื่อง-กระชับมิตร (Friendly Match) – 19 ประตู (51 นัด)
  • World Cup รอบคัดเลือก – 31 ประตู (41 นัด)
  • World Cup รอบสุดท้าย – 7 ประตู (17 นัด)
  • Euro รอบคัดเลือก – 31 ประตู (35 นัด)
  • Euro รอบสุดท้าย – 14 ประตู (24 นัด)
  • UEFA Nations League – 5 ประตู (6 นัด)
  • FIFA Confederations Cup – 2 ประตู (4 นัด)

สถิติที่น่าสนใจในการทำ 109 ประตูในนามทีมชาติของเขาคือ เกือบครึ่งของประตูที่เขาทำได้มักเกิดขึ้นในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของเกม โดยยิงได้ระหว่างนาทีที่ 61-75 ของการแข่งขันได้ 22 ประตู และยิงได้ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายถึง 31 ประตู สถิติเหล่านี้บ่งบอกถึงความเป็นนักสู้ในตัวของเขา ตราบใดที่เวลาในสนามยังไม่หมด เขาจะเป็นผู้นำทีมอย่างแท้จริงด้วยการแสดงความมุ่งมั่นและพยายามออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

ความบังเอิญที่ไม่บังเอิญของสามตำนานดาวยิง

ถ้าเราย้อนไปในเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว มีนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ครองสถิติไว้อย่างมากมาย และในยุคนั้นยากเสียเหลือเกินที่คิดว่าจะมีใครมาทำลายลงได้ นั่นก็คือ ตำนานผู้ล่วงลับ Ferenc Puskás อดีตกองหน้าทีมชาติฮังการีที่ซัดไป 84 ประตูจากการลงเล่นเพียงแค่ 85 นัดให้กับทีมชาติฮังการี เขาพาฮังการีคว้ารางวัลชนะเลิศ Olympic Game ในปี 1952 และยังพาชาติของเขาเข้าชิงชนะเลิศ World Cup 1954 ส่วนในระดับสโมสรเขาทำไป 514 ประตูจากการลงเล่น 529 นัดในลีกฮังการีและสเปน

ตำนานอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ เจ้าของสถิติร่วมกับ Christiano Ronaldo นั่นก็คือ Ali Daei เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพตั้งแต่อายุ 20 ปี และจุดสูงสุดในอาชีพค้าแข้งของเขาก็คือ การได้เดินทางไปค้าแข้งกับ Bayern Munich ทีมชั้นนำใน Bundesliga ของเยอรมัน สามารถคว้าแชมป์ Bundesliga และ DFB-Pokal (ฟุตบอลถ้วยของเยอรมัน) ได้เมื่อฤดูกาล 1998-1999

Daei แขวนสตั๊ดในวัย 38 ปี รวมตลอดเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลในระดับลีกอาชีพ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 351 นัด ยิงได้ 134 ประตู ส่วนในระดับชาติ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอิหร่านกว่า 20 ปี ซึ่งเกมสุดท้ายคือเกมที่พบกับทีมชาติ Angola ใน World Cup 2006 ที่ประเทศเยอรมัน สรุปรวมลงเล่น 149 นัด ยิงได้ 109 ประตู

สำนักข่าว BBC ยกความ “บังเอิญ” ที่น่าทึ่งไม่น้อยเกี่ยวกับสถิติยิงประตูทีมชาติของ Ronaldo และ Daei รวมถึงตำนานในอดีตอย่าง Puskás เอาไว้ว่า

Daei ทำลายสถิติยิงประตูทีมชาติสูงสุด 84 ประตูของ Puskás ลงได้ในปี 2003 ซึ่งปีนั้นเป็นปีเดียวกับที่ Ronaldo ประเดิมการลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสพอดี และพอมาถึงค่ำคืนที่ Ronaldo ทาบสถิติของ Daei ได้สำเร็จ ก็มาเกิดขึ้นที่สนาม Puskás Aréna ประเทศฮังการี ที่ตั้งชื่อตามตำนานดาวยิงผู้ล่วงลับซะด้วย! แหม่….เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้

เชื่อว่าบุรุษผู้เกิดมาทุบทุกสถิติบนผืนสนามอย่าง Christiano Ronaldo คงจะมีเรื่องราวให้เราได้พูดถึงกันอีกอย่างแน่นอนในบั้นปลายอาชีพการค้าแข้งของเขา แล้วเรามารอดูกันว่า เขาจะสร้างสถิติใหม่ๆอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก …. …. …

ขอบคุณข้อมูล : https://www.ranker.com /// https://th.wikipedia.org /// https://www.matichon.co.th/sport/footballinter/

บทความที่น่าสนใจ : https://www.thekooroo.com/content/

Leave a Reply