เที่ยวเชียงใหม่ 10 พิกัด One Day Trip ชมดอกไม้ ถ่ายรูปชิคๆ จิบกาแฟอร่อย ปี 2021

เที่ยวเชียงใหม่ 10 พิกัด One Day Trip ชมดอกไม้ ถ่ายรูปชิคๆ จิบกาแฟอร่อย ปี 2021

เชียงใหม่จัดเป็นอีกหนึ่งจัดหวัดยอดฮิต ที่หลายคนอยากไปเที่ยวซ้ำๆ แม้จะไปมาหลายครั้ง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โดยการเที่ยวเชียงใหม่ในปี 2021 ในครั้งนี้ เราจะพาไปสูดอากาศในที่กว้างๆ และสัมผัสกับธรรมชาติอันสวยงาม ของสวนดอกไม้ และแหล่งของต้นไม้ที่ออกดอกอย่างสวยงามทั้ง 10 สถานที่ที่เราพาไป นอกจากจะมีดอกไม้สวยงามตามฤดูกาล ให้คุณได้ไปถ่ายภาพ เซลฟี่กับแบ็คกราวน์สวยๆ รวมถึงไปจิบกาแฟหอมกรุ่ง และรื่นรมณ์ไปกับบรรยากาศอันสดชื่นของท้องทุ่งดอกไม้ตระการตา เช่น คอสมอส, ดอกไฮเดรนเยีย อยู่บนแนวเขา ที่มีแนวโค้งของสันเขาสีเขียวเป็นฉากหลัง ตัดกับสีสันของดอกไม้ได้อย่างสวยงาม หรืออยากจะชื่นชมความสวยงามของดอกพญาเสือโคร่ง ที่เป็นอีกหนึ่งอันซีนของทางเชียงใหม่ สีชมพูที่บานสะพรั่งไปตลอดเส้นทาง ที่อยู่ใกล้ตัวเมือง และการเดินทางไปมาได้สะดวก สามารถเที่ยวในแบบ One Day Trip ได้อีกด้วย ไปดูด้วยกันว่า มีที่ไหนบ้าง และจะเดินทางไปอย่างไรดี?

เที่ยวเชียงใหม่

1.ขุนช่างเคี่ยน

ขุนช่างเคี่ยนหรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน อยู่ใน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่และครอบคลุมถึง ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่จัดเป็นอีกหนึ่งยอดดอย ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาว และความสวยงามจากพืชพรรณไม้ จุดเด่นอยู่ที่ต้นพญาเสือโคร่ง ที่ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งในช่วงเดือนมกราคม แต่ถ้าเป็นช่วงอื่นๆ ก็ยังมีไร่กาแฟ และดอกไม้เมืองหนาว แต่ก็มีร้านกาแฟ ไว้ให้คุณได้จิบรสชาดที่หอมละมุนจากกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ที่เป็นเอกลักษณ์ในบรรยากาศที่เย็นสบาย นอกจากนี้ขุนช่างเคี่ยน ยังไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น พระตำหนักภูพิงฯ และหมู่บ้านม้ง ส่วนถ้าใครอยากจะมาสัมผัสกับอากาศที่สดชื่นยามเช้า หรือค้างแรม ก็มีลานกางเตนท์ต้อนรับนักท่องเที่ยว ในบริเวณของพื้นที่ศูนย์บริการ ซึ่งอาจจะอยู่ห่างจากขุนช่างเคี่ยนอยู่ประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่ถ้าจะเป็นเรื่องของที่พัก ก็อาจจะต้องโทรสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่ และต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนกันเลยทีเดียว การเดินทางสามารถขับรถยนต์ขึ้นไปได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสักหน่อย เพราะเส้นทางค่อนข้างแคบ หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็ใช้บริการรถแดงเหมาขึ้นไปได้ เรียกว่า จะเช้าไปเย็นกลับก็สะดวก

จากตัวเมืองเชียงใหม่	30 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	ได้ทั้งปี
ค่าเข้าชม	ไม่มี
Google Map	Click

2.พระตำหนักดอยผาตั้ง

ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณประมาณ 2 ชั่วโมง กับการเดินทางที่มีเส้นทางโค้ง ตัดสลับกันไป ก็จะถึงพระตำหนักดอยผาตั้ง ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เส้นทางอาจจะค่อนข้างแคบและชันอยู่บ้าง แต่ก็ใช้การเดินทางจากรถยนต์ได้ทุกชนิด เมื่อผ่านทางลาดยางไปถึงลานจอดรถ จะเป็นลานกว้างๆ ที่สามารถนั่งเล่น หรือเดินชมทัศนียภาพของดอกพญาเสือโคร่งจำนวนมาก ยาวเป็นทิวแถวให้ถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม เลือกมุมโปรดที่ชื่นชอบ ที่จะเห็นสีสันของดอกไม้สีชมพู ตัดกับแนวท้องฟ้าในวันที่อากาศสดใส และที่นี่ก็เช่นเดียวกัน ดอกพญาเสือโคร่งจะไล่ไปตั้งแต่ปลายปี จนถึงต้นปี ต้องติดตามข่าวสารกันอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ไปตรงวันที่ดอกบานเต็มที่ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีไร่สตรอเบอรี่ ลูกพลับ และจุดชมวิวต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เรียกว่าไปเส้นทางเดียว ได้ครบทุกวิว

จากตัวเมืองเชียงใหม่	80 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	ตลอดปี
ค่าเข้าชม	ไม่มี
Google Map	Click

3.โครงการหลวง ดอยอ่างขาง

ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ ไปตามเส้นถนน 1095 ก็จะเข้าสู่โครงการหลวง ดอยอ่างขาง ที่เป็นสถานีวิจัยด้านพืชพรรณเมืองหนาว และมีจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าจะต้องเดินทางออกมาไกลกว่าที่อื่นๆ แต่เรื่องของทิวทัศน์ที่โดดเด่น ไม่ได้เป็นรองที่ไหน เพราะคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของดอกพญาเสือโคร่งมาตั้งแต่ช่วงการเดินทาง ด้วยทิวเข้าสลับซับซ้อนด้านหลัง ตัดกับพืชพรรณไม้ดอกที่จัดเอาไว้เป็นแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแปลงพืชตามฤดูกาล สวนต้นหอมหมื่นลี้ ลาเวนเดอร์ หรือจะเป็นไม้เมืองหนาว พร้อมทั้งกิจกรรมที่ให้คุณสนุกสนานได้ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยานหรือดูนก เป็นต้น บริเวณรอบๆ โครงการหลวงยังเป็นหมู่บ้านชาวเขา ที่ให้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิต และซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย ส่วนเวลาทำการประมาณ 8:30 – 16:00น. ค่าเข้า 50 บาทต่อคน

จากตัวเมืองเชียงใหม่	162 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	8:30 – 16:00น
ค่าเข้าชม	50 บาท/ คน
Google Map	Click

4.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 95 กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ ชั่วโมงครึ่ง จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของที่นี่ เพราะมีจุดให้ชมวิวและสัมผัสกับทะเลหมอกที่สวยงาม โดยจุดมุ่งหมายในการชมดอกไม้ จะอยู่ที่นั่้นคือ บริเวณรอบๆ พระมหาธาตุเตดีย์ ที่ได้มีการสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งเป็นการจัดแปลงดอกไม้ไว้อย่างวิจิตรสวยงาม ให้แวะเวียนกันเข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด หรือใครที่ชอบความตื่นเต้น และชื่นชมธรรมชาติ ก็มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ซึ่งจะมีพรรณไม้สวยงาม เช่น ดอกกุหลาบพันปี สีแดงสดใส และสีขาวดอกใหญ่ หรือจะไปชมบริเวณสถานีเกษตร ที่เต็มไปด้วยพืชที่ทางโครงการวิจัยพัฒนา เช่น เยอยีร่า กุหลายและอื่นๆ รวมถึงสามารถสัมผัสบรรยากาศอันเย็นฉ่ำจากน้ำตกในบริเวณใกล้เคียงกันได้อีกด้วย การเดินทางเที่ยวเชียงใหม่สามารถนั่งรถประจำทางมาได้ หรือจะขับรถยนต์มาเอง เส้นทางก็ไม่ได้ลำบากมากนัก และถ้าคุณเป็นสายจิบชา อย่างนั่งวิวสวยๆ จิบชาอุ่นๆ ก็มีไร่ชาให้แวะพักกันได้ตลอดทาง

จากตัวเมืองเชียงใหม่	95 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	8:30 – 16:00น
ค่าเข้าชม	50 บาท/ คน
Google Map	Click

5.อุทยานหลวงราชพฤกษ์

ใครที่ชื่นชอบความสวยงามของดอกไม้งามในช่วงหน้าหนาว ที่มีสายหมอกไหลเลี่ยไปกับบรรยากาศที่ด้านหลังเป็นทิวเขา และกลิ่นอายที่เป็นวัฒนธรรมของเมืองเหนือโดยแท้แล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาด อุทยานหลวงราชพฤกษ์ แห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเคยจัดงานพืชสวนโลก ภายในจัดเป็นสวยไม้ดอกนานาพรรณ ปรับให้เข้ากับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นได้ดี อย่างเช่น หอคำหลวง ที่มาในแนวคิดแบบล้านนา รายรอบไปด้วยสวนดอกไม้ ที่ต่างออกดอกชูช่อ ในแปลงต่างๆ ไฮไลต์อยู่ที่การจัดสวนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงสวนนานาชาติ ที่มีพืชพรรณหายากหลายชนิด ตามเขตต่างๆ ทั่วโลก ไม่เพียงแค่คุณจะได้เห็นต้นไม้ หรือดอกไม้สวยงามเท่านั้น แบบแปลกๆ ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณต่างๆ ของโลกก็มีให้คุณได้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีถนนดอกคูณหรือดอกราชพฤกษ์สีทองสดใสปลูกอยู่รายรอบ เพื่อต้อนรับคนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย

จากตัวเมืองเชียงใหม่	13 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	8:00 – 18:00น
ค่าเข้าชม	50 บาท/ คน
Google Map	Click

6.โครงการหลวงขุนแปะ

โครงการหลวงขุนแปะ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่ แหล่งที่เป็นแปลงดอกไม้ผืนใหญ่ ตั้งอยู่ใน อำเภอ จอมทอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 110 กิโลเมตรเท่านั้น ด้านในโครงการเป็นแปลงปลูกพืชทดลองของพรรณไม้เมืองหนาว รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีทั้งโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นที่พักหลักร้อย และวิวหลักล้านอยู่ท่ามกลางทุ่งนาและขุนเขา ให้สัมผัสกับธรรมชาติที่รายล้อม ความเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยมีรถนำเที่ยว พาไปยังจุดต่างๆ แต่ไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบความสวยสดงดงามของไม้ดอก และขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ทุ่งไฮเดรนเยีย ที่เป็นดอกไม้สีฟ้าม่วง ซึ่งน่าจะโดนใจใครหลายคน ที่ชอบความพาสเทลของสีสันแบบนี้ รวมถึงยังแต้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ และสีขาว ดูตัดกับฉากหลังสีเขียวได้อย่างลงตัว ซึ่งดอกไฮเดรนเยียนี้บานใหญ่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว เหมาะอย่างยิ่งกับการมาเที่ยวช่วงปลายปี ค่าเข้าชมแค่ 30 บาทเท่านั้น มาที่นี่แนะนำว่ามาค้างสักคืน ตื่นมาสดชื่นแน่นอน

จากตัวเมืองเชียงใหม่	110 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	6:00 – 18:00น
ค่าเข้าชม	30 บาท/ คน
Google Map	Click

7.สวน I Love Flower Farm

แต่ถ้าใครมีเวลาไม่มาก แต่อยากจะฟินกับบรรยากาศสวยๆ ด้วยทุ่งดอกไม้ที่อยู่ริมข้างทาง กับพื้นที่กว้างใหญ่ ให้มองเห็นดอกไม้สีสดใส ตัดกับต้นไม้สีเขียว เป็นแนวด้านหลัง และยังตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก สวน Flower Lover Farm นี้ดูจะตอบโจทย์ได้ดี ด้วยแปลงปลูกดอกมาร์กาเร็ตสีขาว สีม่วง แซมกันไปอย่างสวยงาม รวมถึงแปลงที่ปลูกไม้ดอกอื่นๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้ดูแปลกตายิ่งขึ้น จัดเป็นแปลงให้ผู้ที่เข้ามาชม สามารถถ่ายภาพ พร้อมกับมีร้านอาหาร ร้านกาแฟในบริเวณใกล้เคียง ให้มานั่งพักจิบกาแฟ และชมทุ่งดอกไม้ได้อย่างอิ่มเอม นับเป็นจุดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเดินทางจากตัวเมืองไม่กี่นาทีเท่านั้น โดยฟาร์มดอกไม้นี้ ตั้งอยู่ที่บ้านร้องอ้อ ตำบลสันผีเสื้อ ค่าเข้าชมแค่ 50 บาทเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเข้าชมในช่วงที่ดอกไม้บาน อยู่ในช่วงปลายปี

จากตัวเมืองเชียงใหม่	20 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	9:00 – 18:00น
ค่าเข้าชม	30 บาท/ คน
Google Map	Click

8.ไร่กลิ่นเกสรแม่ริมเชียงใหม่

อีกหนึ่งทุ่งดอกไม้ ที่สายเซลฟี่ไม่ควรพลาด หากมาเยือนเชียงใหม่ กับไร่กลิ่นเกสร ที่สะพรั่งไปด้วยสีม่วงของดอกมาร์กาเร็ต มองเห็นกันแบบยาวไกลสุดลูกตา กับสะพานไม้ที่ดูเป็นเอกลักษณ์ให้คนที่มาสัมผัส ถ่ายภาพได้เกือบทุกมุม เพราะทางสวนจัดให้มีโซนถ่ายดูสวยงามต่างกันไป ด้านหลังเป็นฉากของต้นไม้สีเขียวที่ขึ้นทึบ ตัดกับสีม่วง เส้นทางมาก็ไม่ยาก เพราะใกล้กับทางขึ้นดอยม่อนแจ่ม จุดเด่นของที่นี่คือ เข้าชมได้ตลอดทั้งปี ค่าเข้าชมคนละ 40 บาทเท่านั้น

จากตัวเมืองเชียงใหม่	23 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	7:00 – 20:00น
ค่าเข้าชม	40 บาท/ คน
Google Map	Click

9.ไร่ดอกลมหนาว ม่อนแจ่ม

ไร่ดอกลมหนาว ม่อนแจ่ม เป็นอีกแหล่งทุ่งดอกไม้ ที่ให้ผู้ที่มาเที่ยวเชียงใหม่ ได้มาสัมผัสกับความสวยงามได้เกือบทั้งปี อยู่ในบริเวณของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ด้วยความสดใสของดอกเวอร์บีน่า แม้ว่าจะไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่โตมากนัก แต่ในแง่ของพื้นที่และการจัดแปลงปลูกของที่นี่ ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่านักถ่ายภาพได้ไม่น้อยทีเดียว และด้วยความที่อยู่ใกล้กับเนินเขา จึงทำให้เห็นวิวได้กว้าง มองเห็นวิวของม่อนแจ่มได้ชัดเจน อีกทั้งค่าเข้าชมก็เพียง 20 บาทเท่านั้น ด้านในมีกิจกรรมไว้ต้อนรับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมของชาวเขา ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม จิบกาแฟรสชาดเยี่ยม พร้อมทั้งของฝากอีกเพียบ วิวสวยแบบนี้ ไม่ลองไปกันเสพย์บรรยากาศดีๆ สักครั้งก็คงจะแปลก

จากตัวเมืองเชียงใหม่	40 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	7:00 – 18:00น
ค่าเข้าชม	20 บาท/ คน
Google Map	Click

10.ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี

เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีจุดประสงค์ในการวิจับและเพาะพันธุ์กล้วยไม้หายาก รองเท้านารีอินทนนท์ ซึ่งการเดินทางไม่ยากนัก แต่อาจจะไกลไปบ้าง เพราะถือว่าอยู่ในเขตของ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งจุดสำหรับการชมดอกไม้อยู่ระหว่างทางที่เข้าไปในศูนย์ ในช่วงหน้าหนาวจะมีดอกพญาเสือโคร่งบนสะพรั่งเต็มสองข้างทาง ริมทะเลสาบ ดูแล้วสวยงามเป็นอย่างยิ่ง สามารถเดินหามุมสวยๆ ถ่ายภาพกันได้อย่างเต็มอิ่ม ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าอยู่ที่ประมาณ 8:00 – 16:30 น. แต่ไม่เสียค่าเข้าชม โดยจะเสียในส่วนของการเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ การเดินทางอาจจะต้องระวังเส้นทางมีความคดเคี้ยว เนื่องจากโค้งเยอะ ต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เชื่อได้ว่าหากไปถึง ต้องประทับใจอย่างแน่นอน ช่วงที่สวยที่สุดจะประมาณเดือนธันวาคมและมกราคม

จากตัวเมืองเชียงใหม่	100 กิโลเมตร
ช่วงเปิดให้เข้าชม	ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม	ไม่มี
Google Map	Click

เป็นอย่างไรกันบ้างกับที่เที่ยวชมดอกไม้ ถ่ายรูปชิคๆ ทั้ง 10 แห่งของจังหวัดเชียงใหม่ รอคุณไปสัมผัสกับความอลังการ โดยส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นแหล่งเที่ยวชมดอกไม้ที่อลังการที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศ เดินทางไปแล้วไม่ผิดหวัง ส่วนใครที่ไม่มั่นใจว่าจะไปแล้วเจอทุ่งดอกไม้หรือดอกไม้อย่างพญาเสือโคร่งจะบานเมื่อไร สามารถตรวจสอบจากเพจหรือเว็บไซต์ของอุทยานกันได้เลยครับ เพราะอัพเดตกันเป็นรายวัน จะได้ไปไม่ผิดเวลา และได้ภาพสวยๆ กลับมาอีกด้วย ขอบคุณมากที่ติดตามกัน ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหน ติดตามชมกันนะครับ